โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมายอมรับเมื่อวันอังคาร (19 ตุลาคม) ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทหารอเมริกันได้ขับยานพาหนะตะลุยพังประตูโรงพยาบาลแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres – MSF) ในอัฟกานิสถาน โรงพยาบาลที่ถูกสหรัฐทิ้งระเบิดถล่มสังหารแพทย์-พยาบาล-คนไข้ หลายสิบคน โดยสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนนี้ โดยทหารอ้างว่า “ไม่ทราบว่ายังมีคนอยู่”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16) องค์กรแพทย์ไร้พรมแดนระบุว่า รถถังของสหรัฐฯ ได้ขับตะลุยเข้าไปภายในเขตโรงพยาบาลซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกุนดุซ (Kunduz) โดยไม่ขออนุญาตก่อน สร้างความเสียหายต่อตัวอาคาร และอาจทำลายหลักฐานของการถูกโจมตีก่อนหน้านั้น รวมถึงทำให้แพทย์และพยาบาลที่ปฏิบัติงานอยู่เกิดความตึงเครียด
ร.อ.เจฟฟ์ เดวิส โฆษกเพนตากอน ยืนยันว่า ยานพาหนะทางทหารดังกล่าวไม่ใช่รถถัง (tank) ของสหรัฐฯ หากแต่เป็นรถสายพานขนาดเบา (tracked vehicle) ของกองทัพอัฟกานิสถานที่ใช้ขนทหารอเมริกันเข้าไปตรวจสอบสภาพความเสียหายของโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
เดวิส อ้างว่า ทหารอเมริกันเข้าใจว่าไม่มีบุคลากรของ MSF อยู่ภายในอาคารแล้ว จึงนำรถขับตะลุยเข้าไปเฉยๆ โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
“ทีมของเราไม่ทราบว่ายังมีเจ้าหน้าที่ MSF ปฏิบัติงานอยู่ และเข้าใจได้ว่าพวกเขาคงไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ทีมของเราควรจะประสานติดต่อไปก่อน… แต่หลังจากนี้พวกเขาจะแก้ไขทุกอย่างให้ดี และจะซ่อมแซมประตูโรงพยาบาลให้เรียบร้อย”
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม สังหารแพทย์และพยาบาลของ MSF รวมถึงคนไข้ เสียชีวิตไปอย่างน้อย 22 คน ซึ่งต่อมากองทัพสหรัฐฯ ก็ได้ออกมายอมรับว่าโรงพยาบาลคือหนึ่งในเป้าหมายในการโจมตีจริง โดยอ้างว่ามีนักรบตอลิบันที่บาดเจ็บเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลดังกล่าว
นอกจากนี้ MSF ยืนยันว่า ที่ตั้งของโรงพยาบาลแห่งนี้ถูกแจ้งให้ทุกฝ่ายรับทราบอย่างชัดเจน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีนักรบตอลิบานเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่เจ้าหน้าที่อัฟกานิสถานบางคนกล่าวอ้าง