วันอังคารที่ (20 ตุลาคม) ผู้สื่อข่าว TNN24 รายงานว่า สภาพอากาศในพื้นที่อ.หาดใหญ่ และอ.ใกล้เคียงของจ.สงขลา มีหมอกควันไฟป่าจากเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่ถูกลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมในพื้นที่อีกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณภูเขาและตัวเมืองหาดใหญ่ มีหมอกควันปกคลุมแต่ยังไม่หนาแน่น
นายฮาเล็ม เจ๊ะมาริกัน ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมเขต 16 สงขลา เปิดเผยว่า หมอกควันที่พัดปกคลุมภาคใต้ระลอกที่ 4 ส่งผลทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในหลายจังหวัดเริ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉลี่ยช่วง 24 ชั่วโมง ที่จ.สงขลา วัดได้ 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คาดว่า ยังคงมีหมอกควันเข้ามาปกคลุมต่อไปอีก 2-3 วัน
ส่วนในพื้นที่จ.ปัตตานี หมอกควันเริ่มเข้าปกคลุม ตั้งแต่ช่วงเย็นวานที่ผ่านมา จนถึงวันนี้หมอกควันยังคงหนาแน่น จนทำให้ช่วงเช้าแสงจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงมาได้ โดยหมอกควันได้ปกคลุมทั่วทั้งเมืองปัตตานี ประชาชนเริ่มกลับมาใช้หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองจากควันไฟ
ด้านสาธารณสุขจ.ปัตตานี กำชับให้เจ้าหน้าที่ ติดตามสถานการณ์หมอกควันระลอกใหม่อย่างใกล้ชิด พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับมือกับปัญหาหมอกควัน เพื่อเป็นการป้องกันตนเองในเบื้องต้น
ด้านจังหวัดยะลากรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 19 ตุลาคม ว่า ปริมานฝุ่นละออง (PM10) ในพื้นที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา อยู่ที่ 29 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. แต่ล่าสุด เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันที่ 20 ตุลาคม ปริมาณฝุ่นละออง (PM10) ในพื้นที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา อยู่ที่ 68 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปริมาณฝุ่นในอากาศที่เพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลให้มีประชาชนในพื้นที่มีอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ระคายเคือง แสบตา แสบจมูก น้ำมูกไหล ไอ คอแห้ง เจ็บคอ หายใจลำบาก อึดอัดแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน จึงขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่ควรออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่มีหมอกควันหรือทำงานหนักที่ต้องออกแรงมาก เนื่องจากจะทำให้ต้องหายใจเร็ว และมีโอกาสสูดอากาศมากกว่าภาวะปกติ 10-20 เท่า