“อัสซาด” ดอดเยือนมอสโก ขอบคุณ “ปูติน” ช่วยทิ้งบอมบ์ถล่มซีเรีย

ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แกนนำชีอะห์แห่งซีเรีย ออกเดินทางไปเยือนกรุงมอสโกเมื่อช่วงเย็นวันอังคาร (20 ตุลาคม) เพื่อกล่าวขอบคุณประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ที่ให้การสนับสนุนทางทหารต่อเขา ซึ่งการเยือนรัสเซียในครั้งนี้ถือเป็นทริปต่างประเทศหนแรกของผู้นำซีเรียนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองปะทุขึ้นเมื่อต้นปี 2011 และยังชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่โดดเด่นของรัสเซียต่อสถานการณ์การเมืองในซีเรีย ที่มีอิหร่านเข้าไปเป็นผู้ยึดครองพื้นที่หลักๆ

การเยือนรัสเซียของ อัสซาด เกิดขึ้นเพียง 3 สัปดาห์ หลังจากที่รัสเซียส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตีทางอากาศในซีเรีย โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่่ฝ่ายต่อต้านซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาวซีเรียส่วนมาก และเป็นศัตรูสำคัญของอัสซาดที่แท้จริงในซีเรีย

รัสเซียปกปิดข่าวการเยือนของ อัสซาด ไว้อย่างมิดชิดจนกระทั่งเช้าวันพุธ (21) จึงได้มีการเผยแพร่ภาพ อัสซาด และ ปูติน พบปะกันที่วังเครมลิน รวมถึงบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าผู้นำซีเรียยังคงอยู่ในมอสโก หรือว่าเดินทางกลับไปแล้ว

ผู้นำรัสเซียระบุว่า ตนคาดหวังว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่ประสบผลสำเร็จคงจะนำมาซึ่งทางออกทางการเมืองในซีเรีย ซึ่งตรงกับความคาดหวังของตะวันตกที่ต้องการให้ ปูติน ใช้อิทธิพลความเป็นมิตรโน้มน้าว อัสซาด ให้ยอมเจรจากับฝ่ายประชาชน

นอกจากรัสเซียแล้วก็ยังมี “อิหร่าน” อีกชาติหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในซีเรีย และส่งทหารจำนวนมากเข้ายึดครองพื้นที่ของชาวซีเรียมาโดยตลอด

สื่อทีวีรัสเซียตีแผ่การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองให้เป็นข่าวใหญ่ในรอบวัน โดยมีการเผยแพร่ภาพ อัสซาด ในชุดสูทสีเข้มกำลังพูดคุยกับ ปูติน ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศและกลาโหมของทั้ง 2 ชาติก็อยู่ในวงสนทนาด้วย

รัสเซียอ้างว่า ปฏิบัติการในซีเรียซึ่งถือเป็นการแทรกแซงทางทหารในภูมิภาคตะวันออกกลางครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 เป็นการกระทำ “ด้วยสามัญสำนึก” เพื่อสกัดกั้น “ลัทธิก่อการร้ายข้ามชาติ” หลังจากที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรโจมตีทางอากาศในซีเรียมานานเป็นปีแต่กลับไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน

ทั้งนี้ คาดว่า ปูติน จะใช้การเยือนของ อัสซาด เป็นเครื่องยืนยันว่าปฏิบัติการทางอากาศในซีเรียมีความชอบธรรมและได้ผลอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่า มอสโกได้ก้าวข้ามความขัดแย้งในยูเครน และพร้อมที่จะแสดงบทบาทผู้นำในเวทีโลกอย่างจริงจัง

“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งที่สหพันธรัฐรัสเซียแสดงบทบาทผู้นำในการช่วยเหลือซีเรีย” อัสซาด กล่าว

“หากพวกคุณไม่ตัดสินใจทำเช่นนี้ กลุ่มก่อการร้ายซึ่งกำลังขยายอิทธิพลไปทั่วทั้งภูมิภาคคงจะกลืนกินพื้นที่และดินแดนต่างๆ ไปมากกว่านี้”

อัสซาด ซึ่งมีสีหน้าผ่อนคลายยังกล่าวย้ำอีกว่า การกระทำของรัสเซียไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และยกย่องแนวทางที่มอสโกใช้ตอบสนองปัญหาซีเรียว่าช่วยไม่ให้สถานการณ์ “ดำดิ่งลงสู่ขั้นเลวร้าย”

อัสซาด พูดทิ้งท้ายว่า สงครามในซีเรียจะต้องแก้ไขด้วยวิธีทางการเมือง

“ลัทธิก่อการร้ายคืออุปสรรคที่แท้จริงต่อการแสวงหาทางออกทางการเมือง… และแน่นอนว่าชาวซีเรียทุกคนต้องการมีส่วนตัดสินอนาคตของชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องผู้นำประเทศเท่านั้น”

ปูติน ให้คำมั่นว่ารัสเซียพร้อมจะช่วยหาแนวทางการเมืองเพื่อยุติความขัดแย้งในซีเรีย และกล่าวชื่นชมผู้สนับสนุนอัสซาดที่ยืนหยัดต่อต้านกลุ่มติดอาวุธ “ด้วยตัวพวกเขาเองเกือบทั้งสิ้น”

ผู้นำรัสเซียชี้ว่า รัสเซียจำเป็นต้องแทรกแซงสถานการณ์ในซีเรีย เพราะภัยคุกคามจากกลุ่มที่สู้รบกับ อัสซาด ก็เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัสเซียเช่นกัน

“น่าเสียใจที่เวลานี้มีพลเมืองจากอดีตรัฐโซเวียตอย่างน้อย 4,000 คนกำลังจับอาวุธต่อสู้กับทหารซีเรีย” ปูติน กล่าว

“คงไม่ต้องบอกว่า เราไม่อาจยอมให้พวกเขากลับมาสร้างปัญหาบนแผ่นดินรัสเซียได้ หลังจากที่ไปได้ประสบการณ์ในสนามรบ และถูกปลูกฝังค่านิยมสุดโต่งมาแล้ว”

d8086ปูติน ชี้ว่า ปฏิบัติการทางทหารในซีเรียซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจจะเป็นรากฐานสำหรับทางออกทางการเมืองในระยะยาว ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มการเมือง เชื้อชาติ และศาสนาต่างๆ ได้มีส่วนร่วม

“รัสเซียพร้อมที่จะสนับสนุนไม่ใช่เฉพาะการต่อสู้ลัทธิก่อการร้ายเท่านั้น แต่ยังรวเมถึงกระบวนการทางการเมือง… ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับชาติมหาอำนาจและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่ปรารถนาจะเห็นความขัดแย้งในซีเรียจบลงอย่างสันติ”

ทั้งนี้รัสเซีย อิหร่าน และอัสซาด ปฎิเสธข้อเสนอของทางการซาอุดิอาระเบียที่ต้องการให้ชาวซีเรียทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินความต้องการของตนเอง โดยที่อัสซาดซึ่งเป็นตัวปัญหาที่ปกครองชาวซีเรียอย่างกดขี่มาอย่างยาวนานหลายสีปี และชาวซีเรียเกือบทั้งประเทศไม่ยอมรับ ต้องลงจากอำนาจก่อน

นอกจากนี้รัสเซียอ้างว่ามีพลเมืองจากอดีตโซเวียตกว่า 4,000 คนเข้าร่วมกับกลุ่ม ISIL ในซีเรีย แต่เป้าหมายในการโจมตีส่วนใหญ่ของรัสเซียในซีเรียคือกลุ่มพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งส่วนมากเป็นประชาชน อดีตข้าราชการซีเรียที่หันมาเข้าร่วมกับประชาชน และชาวอาหรับที่ทนเห็นชาวซีเรียถูกกดขี้ และไล่ฆ่าโดยกองกำลังชีอะห์ในซีเรียไม่ได้

ความคิดเห็น

comments