กระบวนการทดสอบด้วยคลื่นไหวสะเทือน (seismic tests) ยืนยันพบ “แหล่งน้ำมัน” ภายในอุทยานแห่งชาติวิรุนกาของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งถือเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกา รัฐบาลแถลงวานนี้ (6 พ.ย.)
ไอเม เอ็นกอย มูเกนา รัฐมนตรีกระทรวงไฮโดรคาร์บอนส์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า การสำรวจแหล่งน้ำมันซึ่งดำเนินการโดยบริษัทน้ำมันโซโก (Soco) สัญชาติอังกฤษ ได้ผลลัพธ์เป็น “บวก”
รัฐมนตรีผู้นี้กล่าวเสริมว่า ผลการสำรวจยังสามารถตอบคำถามที่ว่า “มีแหล่งน้ำมันสำรองอยู่ใต้อุทยานใช่หรือไม่” ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ “ใช่”
ข่าวนี้คาดว่าจะจุดกระแสวิพากษ์อย่างร้อนแรงภายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ในแง่ของประโยชน์และความเหมาะสมในการเข้าไปสำรวจพลังงานภายในเขตอนุรักษ์ซึ่งกินพื้นที่ราว 7,800 ตารางกิโลเมตรในจังหวัดนอร์ทคิวู
อุทยานแห่งชาติวิรุนกาซึ่งเป็นบ้านของลิงกอริลลาภูเขา มีทั้งผืนป่าเขียวขจี ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง และทุ่งหน้าสะวันนา จนได้รับยกย่องจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็นผืนป่ามรดกโลก และเพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปชื่นชมธรรมชาติได้เมื่อปีที่แล้ว หลังถูกสั่งปิดไป 2 ปีเพราะเหตุรุนแรงจากกลุ่มติดอาวุธ
ยูเนสโกได้ออกมาเตือนหลายครั้งแล้วว่า การสำรวจน้ำมันภายในอุทยานจะ “ไม่สอดคล้อง” กับสถานะผืนป่ามรดกโลก
รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในอดีตต่างสนับสนุนให้มีการนำทรัพยากรน้ำมันใต้ผืนป่าวิรุนกาออกมาใช้ประโยชน์ เพราะเป็นโอกาสที่จะยกระดับสถานะทางการคลังของประเทศให้พ้นขีดความยากจน ขณะที่นักวิจารณ์เตือนว่า ธุรกิจน้ำมันจะยิ่งกระตุ้นเหตุความไม่สงบในจังหวัดนอร์ทคิวูซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี
“ถ้ารัฐบาลเข้าไปขุดเจาะน้ำมันที่นั่น มันก็คือความตายสำหรับพวกเรา” บันตู ลูกัมโบ หัวหน้าเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ บอกกับเอเอฟพี
เมื่อปี 2010 สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกได้ให้สัมปทานสำรวจน้ำมันตามพื้นที่ชายขอบอุทยานแห่งชาติวิรุนกา รวมถึง “บล็อกวี” ซึ่งให้แก่บริษัทน้ำมันโซโก ทว่ากระแสต่อต้านทั้งในและนอกประเทศทำให้รัฐตัดสินใจสั่งระงับใบอนุญาตทั้งหมด
ขอบคุณ ASTV