แหล่งข่าวตำรวจบอกกับรอยเตอร์ว่า ทางการได้ดำเนินการบุกตรวจค้นเกือบ 170 จุด ค้นบ้านอย่างน้อย 110 หลังในเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศสเมื่อโดยหนึ่งในนั้น คือที่เขตชานเมืองโบบิกนีของปารีส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนของศาลต่อการโจมตีที่สนามฟุตบอล บาร์ และห้องโถงแสดงคอรเสิร์ต ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 132 คน
สื่อฝรั่งเศสระบุว่า ตำรวจยังได้บุกตรวจค้นบ้านในเมืองตูลูส เกรโนเบิล และโบบิกนีด้วย
“เรากำลังใช้กรอบทางกฎหมายของสถานการณ์ฉุกเฉินในการสอบปากคำผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการหัวรุนแรงและคนทั้งหมดที่ส่งเสริมความเกลียดชังในสาธารณรัฐแห่งนี้” วาลส์ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าระหว่างปฎิบัติการของตำรวจฝรั่งเศสยังได้มีการกักตัวประชาชน 104 คนไว้ในบ้านพัก ขณะที่ 23 คนถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไปควบคุมไว้ด้วย
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าการตรวจค้นถึงเกือบ 170 จุด สามารถยึดอาวุธได้เพียง 31 ชิ้นเท่านัั้นรวมทั้งปืนไรเฟิล AK-47 จำนวน 1 กระบอก และที่ยิงขีปนาวุธอีก 1 อัน ในปฎิบัติการใกล้กับเมืองลิยง
โดยรัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส ประกาศว่า “นี่เป็นแค่เริ่มต้น เพราะจะออกปฏิบัติการที่ถี่มากกว่านี้อย่างต่อเนื่อง เพราะการตอบโต้จากสาธารณรัฐฝรั่งเศสนั้นยิ่งใหญ่ และจะครอบคลุม ใครก็ตามที่มีเป้าหมายโจมตีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ฝรั่งเศสจะจัดการคนผู้นั้น”
ด้านเอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเปิดเผยชื่อผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเป็นผู้วางแผนการโจมตีกรุงปารีสในวันศุกร์ (13) คือ อับดุลฮามิด อาบาอูด (Abdelhamid Abaaoud) จากเมืองเวอร์วิเยร์ (Verviers) ของเบลเยียม วัย 29 ปี ที่ขณะนี้เชื่อว่าอยู่ในซีเรีย
นายกรัฐมนตรีวาลส์กล่าว ระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุอาร์ทีแอล ของฝรั่งเศสว่า “เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับภัยคุกคามของการปฏิบัติการก่อการร้ายแบบใหม่ๆ กันไปอีกยาวนาน พวกผู้ก่อการร้ายอาจจะนำเอาวิธีโจมตีใหม่ๆ เข้ามาใช้ ถึงแม้การโจมตีบางครั้งอาจถูกสกัดขัดขวางได้สำเร็จ การปฏิบัติการของผู้ก่อการร้ายก็อาจจะเกิดขึ้นซ้ำในสัปดาห์หน้าหรือในเดือนหน้า และเราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเรื่องเหล่านี้”
“เราจะรับมือตอบโต้ระเบิดด้วยระเบิด” วาลส์บอก “เราจะลงมือปฏิบัติการ, เราจะโจมตี, และเราจะเป็นผู้ชนะ”
เขากล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องต่อสู้คัดค้านพวกที่กำลังแพร่กระจายความเกลียดชังในฝรั่งเศส ไม่ว่าพวกนั้นจะมีความเชื่อทางศาสนาแบบไหน แต่ก็จะต้องให้ความเคารพค่านิยมที่เป็นค่านิยมร่วม
“พวกที่เที่ยวเทศนาสั่งสอนความเกลียดชังเป็นจำนวนมากทีเดียว ได้ถูกเนรเทศออกไปจากประเทศนี้แล้ว … และเราจะกระทำเช่นนี้ต่อไปอีก เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องติดตามเล่นงานพวกที่เที่ยวแพร่กระจายความเกลียดชัง … คุณสามารถที่จะเป็นคริสเตียน, เป็นยิว, หรือเป็นมุสลิม แต่ว่าจะต้องเคารพค่านิยมที่เป็นค่านิยมร่วม เราจำเป็นที่จะต้องเข้มแข็งและสามัคคีกัน และดำเนินการต่อสู้คัดค้านการก่อการร้ายต่อไป เพราะเรานั้นเป็นประชาชนที่เข้มแข็งและหนักแน่นไม่ยอมหวั่นไหว” เขาระบุ
ขณะที่บีบีซีรายงานว่า อัยการปารีสได้ระบุชื่อคนร้ายซึ่งก่อเหตุโจมตีปารีสเมื่อวันศุกร์ (13) เพิ่มขึ้นอีก 2 คน เมื่อรวมกับอีก 5 คนที่ทราบก่อนหน้านี้ก็เป็น 7 คนแล้ว โดยในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 5 คน คือ อะหมัด อัล-โมฮัมหมัด และ ซามี อามิมัวร์
อะหมัด อัล-โมฮัมหมัด เป็นชื่อในพาสปอร์ตซีเรียซึ่งพบในร่างของคนร้ายที่เข้าโจมตีผู้หนึ่ง ถึงแม้ยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยันว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ แต่มันได้ถูกตรวจสอบผ่านจุดขัดกรองต่างๆ ของยุโรปนับตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อผู้ถือพาสปอตดังกล่าวขึ้นฝั่งที่เกาะเรสบอนของกรีซ เพื่อขอลี้ภัยเข้ายุโรป นอกจากนี้ยังพบว่าลายนิ้วมือของเขาตรงกันกับที่ทางการกรีซเก็บไว้ในการทำประวัติครั้งแรก
สำหรับ อามิมัวร์ นั้น เมื่อปี 2012 เขาถูกตั้งข้อหา “สมรู้ร่วมคิดเพื่อกระทำการก่อการร้าย” จากการวางแผนจะเดินทางไปก่อการโจมตีในเยเมน ทว่าถูกจับกุมเสียก่อน เขาถูกสั่งให้ต้องรายงานตัวต่อฝ่ายตุลาการในระหว่างที่ถูกสอบสวนเ แต่หลังจากเขาหลบหนีทิ้งประกันไปในปี 2013 แล้ว เขาก็ออกหมายจับสากล มีรายงานว่าในจำนวนพวกที่ถูกจับกุมช่วงก่อนรุ่งสางวันนี้นั้น มีอยู่ 3 คนที่เป็นญาติของเขา
สำหรับผู้ก่อเหตุอีก 5 คนที่ถูกระบุชื่อแล้วก่อนหน้านี้คือ
**บราฮิม อับเดสลาม วัย 31 ปี ถูกระบุว่าเป็นคนร้ายซึ่งเสียชีวิตใกล้ๆ หอแสดงดนตรีบาตากล็อง
**โอมาร์ อิสมาอิล มอสเตไฟ วัย 29 ปี เป็นคนจากชานกรุงปารีส เสียชีวิตในการโจมตีบาตากล็อง
**บิลัล ฮัดฟี วัย 20 ปี ถูกระบุว่าเป็นคนร้ายที่ตายที่สนามกีฬา สตาด เดอ ฟรองซ์
**อาหมัด อัล-โมฮัมหมัด วัย 25 ปี จากจังหวัดอิบลิบ ประเทศซีเรีย เสียชีวิตที่สตาด เดอ ฟรองซ์ (ยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยัน)
**ซามี อามิมัวร์ วัย 28 ปี จากชานกรุงปารีส มือระเบิดฆ่าตัวตายที่บาตากล็อง
โดยยังมีคนร้ายอีก 2 คนซึ่งเสียชีวิตขณะก่อเหตุ และยังไม่ได้รับการระบุชื่อ
นอกจากนั้นมีคนร้าย 2 คนที่ทางการระบุชื่อแล้ว โดยยังไม่ได้เสียชีวิต ได้แก่
**โมฮัมเหม็ด อับดุลสลาม ซึ่งมีรายงานว่าถูกจับกุมในเบลเยียม
**ซาลาห์ อับดุลสลาม วัย 26 ที่ตำรวจติดตามไล่ล่าอย่างเร่งด่วน