นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ ออกมาโหมกระพือความตื่นกลัวต่อเนื่องในฝรั่งเศสว่า อาจมีการใช้อาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพในวันใดวันหนึ่งมาประกอบเหตุผลในการยื่นเรื่องขอให้สภานิติบัญญัติขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติเป็น 3 เดือน
“การก่อการร้ายเกิดขึ้นในฝรั่งเศสไม่ใช่เพระว่าสิ่งที่ฝรั่งเศสกำลังทำในอิรักและซีเรีย แต่เป็นสิ่งที่ฝรั่งเศสกำลังทำให้กับสองประเทศนั้นต่างหาก” วาลส์ บอกกับสภาผู้แทนราษฎร เขากล่าวเสริมว่า “เราทราบว่าอาจมีภัยคุกคามจากอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพด้วย” แต่วาลส์ไม่ได้ระบุชัดว่าภัยคุกคามจากอาวุธชนิดดังกล่าวคืออะไร
ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเบลเยียมที่ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุโจมตีปารีสส่วนใหญ่อาศัยอยู่ นายกรัฐมนตรี ชาร์ล มิเชล ได้ประกาศชุดมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายเพิ่มเติมในวันพฤหัสบดี (19 พฤศจิกายน) และระบุว่า เงิน 400 ล้านยูโรจะถูกกันไว้เพื่อขยายการต่อสู้นี้
เขาบอกกับสมาชิกสภานิติบัญญัติว่าจะมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการกำจัดข้อความสร้างความเกลียดชัง เขายังเรียกร้องให้มีการร่วมมือกันระหว่างประเทศมากกว่านี้ด้วย และระบุว่า เขาต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อขยายช่วงเวลาที่ตำรวจสามารถคุมขังผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายได้โดยไม่ได้ตั้งข้อหา
ในขณะเดียวกัน ฟรองซัวส์ โมลินส์ อัยการกรุงปารีส กล่าวว่า ยังคงมีการสืบสวนอัตลักษณ์ของผู้ตายอยู่ แต่ระบุว่าทั้งอาบาอูดและซอและห์ อับดุลสลามผู้หลบหนีอีกรายหนึ่งต่างไม่ได้อยู่ในการคุมขัง
ในเบลเยียมทางการได้เปิดฉากการบุกตรวจค้นในเขตเมืองหลวงบรัสเซลส์ 6 จุดในวันพฤหัสบดี (19) โดยปฏิบัติการนี้มีความเกี่ยวโยงกับ บิล้าล ฮัดฟี หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตาย 3 รายที่จุดชนวนระเบิดตัวเองนอกสนามกีฬาแห่งชาติฝรั่งเศส
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในสำนักงานอัยการกลางเบลเยียมบอกกับเอพีว่า การตรวจค้นดังกล่าวกำลังมีขึ้นในย่านโมเล็นบีคและพื้นที่อื่นๆ ของกรุงบรัสเซลส์ เจ้าหน้าที่รายนี้ ซึ่งกล่าวโดยไม่ขอเผยนามเนื่องจากการสืบสวนกำลังดำเนินอยู่ ระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวกำลังพุ่งเป้าที่ “บรรดาผู้ติดตาม” ของฮัดฟี