กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) และฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการนานาชาติสอบสวนกรณีที่กองกำลังอเมริกันโจมตีโรงพยาบาลของเอ็มเอสเอฟในอัฟกานิสถาน หลังสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า สาเหตุเกิดจากความผิดพลาดร้ายแรงที่ “หลีกเลี่ยงได้” แต่ไม่ยอมตอบว่า จะเปิดทางให้คณะกรรมการอิสระเข้าขุดคุ้ยต่อหรือไม่
ในวันพุธ (25) เอ็มเอสเอฟได้ประณามกองกำลังสหรัฐฯ ว่า “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” หลังจากกองบัญชาการของอเมริกาประจำอัฟกานิสถานเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า การโจมตีโรงพยาบาลของเอ็มเอสเอฟในเมืองคุนดุซเมื่อวันที่ 3 เดือนที่แล้ว “เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์เป็นหลัก”
การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และบาดเจ็บอีก 37 ราย และเอ็มเอสเอฟต้องปิดโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งเป็นสถานพยาบาลแห่งเดียวในภูมิภาคนั้น และทั่วโลกต่างพากันประณามปฏิบัติการของอเมริกา
พลเอกจอห์น แคมป์เบลล์แห่งกองทัพสหรัฐฯ และผู้บัญชาการกองกำลังนานาชาติในอัฟกานิสถาน แถลงจากสำนักงานใหญ่องค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในกรุงคาบูล เมื่อวันพุธ (25) โดยอ้างว่า สาเหตุส่วนหนึ่งคือความอ่อนล้าของกองกำลังอเมริกันที่ต่อสู้กับกลุ่มตอลีบานในคุนดุซ นานถึง 5 วันในช่วงที่เกิดเหตุ และเสริมว่า ความผิดพลาดเกิดจาก “ความล้มเหลวของกระบวนการและอุปกรณ์ร่วมกัน”
แคมป์เบลล์เสริมว่า ทหารที่เกี่ยวข้องในการโจมตีถูกพักงานตามกระบวนการยุติธรรมของทหาร และอาจถูกดำเนินการทางวินัย แต่ปฏิเสธที่จะระบุชื่อคนเหล่านั้น
คริสโตเฟอร์ สโตคส์ ผู้อำนวยการใหญ่เอ็มเอสเอฟแถลงหลังจากนั้นว่า รายการความผิดพลาดอันน่าตระหนกที่ได้รับการเปิดเผยนี้สะท้อนความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของกองกำลังอเมริกัน รวมทั้งการละเมิดกฎสงคราม
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของเอ็มเอสเอฟเองที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 5 พ.ย. เอ็มเอสเอฟได้แจ้งตำแหน่งที่ตั้งโรงพยาบาลดังกล่าวกับทั้งกองกำลังอัฟกันและตอลีบานอย่างชัดเจน
แคมป์เบลล์นั้นยอมรับว่า โรงพยาบาลของเอ็มเอสเอฟอยู่ในรายชื่อสถานที่ที่ห้ามโจมตี และเอ็มเอสเอฟได้ติดต่อเพื่อแจ้งเตือนกองกำลังอเมริกันระหว่างที่ถูกโจมตี แต่เกิดความผิดพลาดมากมายอันนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าว
รายงานการสอบสวนของสหรัฐฯ ระบุว่ากองกำลังอเมริกันต้องโจมตีเป้าหมายซึ่งเป็นอาคารหลังหนึ่งในเมืองคุนดุซที่เคยเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของอัฟกานิสถาน ซึ่งเชื่อว่า กลุ่มตอลีบานยึดอยู่ แต่ระบบแผนที่ของเครื่องบินผิดพลาดและนำเครื่องไปยังทุ่งร้างแห่งหนึ่งก่อนในตอนต้น กองกำลังอเมริกันจึงจำเป็นต้องค้นหาเป้าหมายเองด้วยสายตาอันนำไปสู่การโจมตีโรงพยาบาลของเอ็มเอสเอฟ
รายงานยังให้รายละเอียดว่า การโจมตีของเครื่องบินเอซี-130 กินเวลาถึง 29 นาที ตั้งแต่เวลา 2.08 น. และเมื่อเวลา 2.20 น. เอ็มเอสเอฟได้แจ้งไปยังฐานทัพอากาศบากรัมว่า ถูกโจมตี ทว่า กว่าที่กองกำลังอเมริกันจะตระหนักว่า โจมตีพลาดก็เมื่อเวลา 2.37 น. และยุติปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม นายพลจัตวาวิลสัน ชอฟฟ์เนอร์ โฆษกของแคมป์เบลล์ ปฏิเสธที่จะระบุว่า จะมีสอบสวนของคณะกรรมการนานาชาติอิสระเพิ่มเติมตามที่เอ็มเอสเอฟเฝ้าเรียกร้องหรือไม่
สโตคส์ย้ำจุดยืนดังกล่าวอีกครั้งเมื่อวันพุธ (25) โดยระบุว่า ผลการสอบสวนของอเมริกานำมาซึ่งคำถามมากกว่าคำตอบ และวอชิงตันไม่สามารถดูเบาว่า การโจมตีนี้เป็นเพียงความผิดพลาดของปัจเจกบุคคลหรือการละเมิดกฎการปะทะของอเมริกาเท่านั้น
กลุ่มฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ขานรับข้อเรียกร้องของเอ็มเอสเอฟ โดยระบุว่า รายงานการโจมตีที่แคมป์เบลล์เปิดเผยเป็นหลักฐานสนับสนุนการสอบสวนคดีอาชญากรรมสงคราม และยังแสดงความกังวลที่อำนาจการตัดสินใจว่า จะดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญาหรือไม่นั้นยังคงอยู่ภายในสายการบังคับบัญชาของกองทัพสหรัฐฯ
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกลุ่มนี้สำทับว่า รายงานของแคมป์เบลล์ชี้ชัดว่า การสอบสวนโดยคณะกรรมการอิสระยังเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน.