เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงภายในชุมชนแออัดใจกลางกรุงมะนิลาเมื่อวันพุธ (25 พฤศจิกายน) ส่งผลให้มีบ้านเรือนถูกเผาวอดไปกว่า 800 หลัง ขณะที่ชาวบ้านหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (26)
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและชาวชุมชนต่างระดมกำลังช่วยกันดับไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีบ้านเรือนปลูกติดกันเป็นพืด โดยมีเพียงตรอกเล็กๆ ให้ใช้สัญจร จึงต้องมีการทุบกำแพงบ้านบางส่วนเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้
ชาวบ้านต่างอุ้มลูกเล็กเด็กแดงหนีตายและพยายามขนทรัพย์สินมีค่าเท่าที่จะทำได้ โดยมีหลายพันคนเข้าไปอาศัยกางเต็นท์ชั่วคราวอยู่ในสวนสาธารณะ
แม้เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต และมีคนบาดเจ็บจากการปีนป่ายหนีไฟเพียง 4 ราย
คนในพื้นที่ต่างช่วยตะโกนชี้จุดให้เฮลิคอปเตอร์ทหารทิ้งระเบิดน้ำลงสู่จุดที่เพลิงกำลังลุกโหมรุนแรง เนื่องจากรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้
นาฮุม วิตาโรซา ผู้บัญชาการหน่วยดับเพลิง เปิดเผยว่า ไฟไหม้ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเลยเพราะเกิดในช่วงบ่าย จึงสามารถอพยพคนได้อย่างรวดเร็ว
“ถ้าเป็นช่วงกลางคืนสถานการณ์คงจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ เพราะอาจมีชาวบ้านบางคนถูกทิ้ง” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า คนในชุมชนแออัดส่วนใหญ่คุ้นเคยกับเหตุเพลิงไหม้และรู้ว่าควรจะเอาตัวรอดอย่างไร
สาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ วิตาโรซา สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการลักลอบเชื่อมสายไฟเองจนไฟฟ้าลัดวงจร
เหตุไฟไหม้ชุมชนแออัดเกิดขึ้นเป็นประจำในเมืองหลวงฟิลิปปินส์ซึ่งมีประชากรหนาแน่นถึง 11 ล้านคน แต่ วิตาโรซา บอกว่า ครั้งนี้เป็นไฟไหม้รุนแรงที่สุดที่เคยเจอในรอบ 5 ปี