เร่งทำลายก้อนน้ำมันบนชายหาดชุมพร

อบจ.ชุมพรเร่งทำลายคราบน้ำมันออกจากชายหาด ชาวประมงเผยยังมีก้อนน้ำมันอีกจำนวนมากลอยกลางทะเลรอเข้าฝั่ง ขณะที่นักวิชาการคนดังเผยมีการแจ้งเตือนแล้วแต่ผู้เกี่ยวข้องไม่สนใจ

สำหรับความคืบหน้ากรณีชาวบ้านพบก้อนสีดำคล้ายน้ำมันถูกคลื่นซัดมาขึ้นตามชายหาดในพื้นที่หมู่ 2 อ.บางน้ำจืด อ.หลังสวน และอำเภอใกล้เคียงของ จ.ชุมพร จำนวนมาก เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและอาชีพชาวประมงชายฝั่ง ล่าสุด นายทองรัตน์ วรรณนุช พลังงานจังหวัดชุมพร นาวาโท สุชาติ แก้วผลึก หัวหน้าศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก เรือประมงจังหวัดชุมพร นางอวยพร ชิตดุษดี ผอ.สิ่งแวดล้อมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ และเรือตรวจประมงหลังสวน ลงพื้นที่ชายหาดบางน้ำจืด หมู่ที่ 2 ตำบลบางน้ำจืด อ.หลังสวน ตรวจสอบคราบน้ำมันที่บริเวณชายหาดดังกล่าว ซึ่งตลอดแนวชายหาดหลายกิโลเมตรมีคราบน้ำมันสีดำกองกระจัดกระจายอยู่จำนวนมาก เบื้องต้นพบว่าคราบน้ำมันที่จับตัวเป็นก้อนแข็งสีดำเมื่อถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ละลายเป็นของเหลว ทำให้ชายหาดเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันสีดำ อีกทั้งยังมีคราบน้ำมันชุดใหม่ได้ทยอยขึ้นมาอีกเรื่อยๆ

นายทองรัตน์ วรรณนุช พลังงานจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ในเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นน้ำมันชนิดใด ขณะนี้ได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนเพื่อเร่งทำความสะอาดบริเวณแนวชายหาด เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะกระทบต่อการทำประมงของชาวประมงพื้นบ้านบ้าง แต่คงเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้นเนื่องจากไม่สามารถออกทำประมง

ด้าน นายทวี นิลสมุย อายุ 70 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า ขณะนี้ชาวประมงพื้นบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างมากไม่สามารถออกทำการประมงได้ เพราะคราบน้ำมันลอยมาติดอวนเหนียว ทำให้ได้รับความเสียหายในการประกอบอาชีพ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อชาวประมงที่ลากอวนกุ้งเคยตามชายฝั่ง(กุ้งทำกะปิ) ไม่สามารถออกลากอวนจับกุ้งได้เลยเพราะปัญหาจากคราบน้ำมันดังกล่าว ทั้งนี้ ชาวประมงในหมู่บ้านที่ออกไปจับปลากลางทะเลบอกว่ายังพบคราบน้ำมันอีกจำนวนมากที่คลื่นลมกำลังจะพัดเข้าฝั่งจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว

ขณะที่นายสุพล จุลใส นายก อบจ.ชุมพร ได้ส่งเครื่องจักรกลพร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำการตักเอาหน้าทรายที่เปื้อนคราบน้ำมันตามชายหาดเพื่อนำไปทำการทำลายต่อไป

ส่วน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งว่า “คราบน้ำมันที่ชุมพร อาจมาจาก 2 ที่ 1. คราบน้ำมันที่ GISTDA สำรวจพบเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 58 บริเวณอ่าวไทยตอนใน เคลื่อนที่ตะวันตกเฉียงใต้ จิสด้าวิเคราะห์ความเร็วว่าไม่มากแต่อาจเป็นช่วงนั้นวันที่ 21-23 คลื่นลมสงบและลมแรง หลังจากนั้นลมหนาวเข้าพัดแรงลงใต้จึงอาจข้ามมาถึงชุมพร 2. คราบน้ำมันจากจุดอื่นที่ไม่มีใครสำรวจพบล่วงหน้าซึ่งต้องตามหาจากภาพดาวเทียมว่ามาจากไหน ซึ่งทั้ง 2 กรณีสามารถหาได้โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลังกลับไปแต่ต้องมีหน่วยงานที่ให้ความใส่ใจตามหาและร่วมมือกับ GISTDA เพื่อการพิสูจน์ที่มา”

พร้อมกับระบุด้วยว่า “ด้วยความถี่และพื้นที่กว้างขนาดนี้ปัญหาคราบน้ำมันถือเป็นวิกฤตของอ่าวไทยจำเป็นต้องหาทางในการจัดการให้ได้ โดยดูจากที่ผ่านมาเรามีจุดอ่อนเพียบ ดังนี้ 1. เราไม่มีการแจงเตือนล่วงหน้า 2. แม้หนนี้ GISTDA แจ้เตือนตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. แต่ไม่มีการกำจัดหรือกระทำการใดๆ ที่ชัดเจนว่าจะจัดการกับคราบน้ำมันดังกล่าว 3. เราแทบจะไม่เคยจับกุมผู้กระทำผิดได้ (กรณีเกาะเสม็ดเห็นชัดเจนแต่ส่วนใหญ่หาคนผิดไม่เคยได้)”

ผศ.ดร.ธรณ์สรุปว่า “จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจทั้งหลายอย่าละเลยกับปัญหานี้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นเราไม่มีทางก้าวไปไหนได้ ไม่ว่าจะท่องเที่ยว การประมง การพัฒนาชายฝั่ง ฯลฯ ตราบใดที่คราบน้ำมันพร้อมจู่โจมทุกหาดของเมืองไทยเช่นนี้ครับ”

ความคิดเห็น

comments