รัสเซียยืนยันแจ้งสหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ที่ปฎิบัติการอยู่ในซีเรีย ก่อนยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำถล่มเป้าหมายในซีเรียเป็นครั้งแรก ด้านสหรัฐระบุมีเพียง 30 % เท่านั้นจากการโจมตีของรัสเซียที่พุ่งเป้าไปที่ ISIL
นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียแจ้งต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินระหว่างการออกอากาศทางโทรทัศน์เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ปฏิบัติการโจมตีล่าสุดถล่มเป้าหมายหลากหลายได้ราว 300 แห่งในช่วง 3 วันที่ผ่านมา และช่วยให้กองกำลังพิเศษชีอะห์แห่งซีเรียกู้กล่องดำเครื่องบินรบรัสเซียที่ถูกตุรกียิงตกเมื่อเดือนก่อน
รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธนำวิถีคาลิเบอร์จากเรือดำน้ำรอสตอฟ ออน ดอน ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เสริมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทำให้เป้าหมายทั้งหมดถูกทำลาย ซึ่งรัสเซียอ้างว่าเป้าหมายเหล่านั้นรวมทั้งโรงน้ำมัน คลังแสงและโรงงานผลิตทุ่นระเบิด
ขีปนาวุธโจมตีระยะไกลจากเรือดำน้ำสามารถทำลายศูนย์บัญชาการสำคัญ 2 แห่งของกลุ่ม ISIL รอบเมืองเราะเกาะที่เป็นเสมือนเมืองหลวงของ ISIL
และยืนยันว่ารัสเซียได้แจ้งสหรัฐและอิสราเอลซึ่งปฏิบัติการโจมตีในซีเรียเป็นการล่วงหน้าแล้วว่าจะใช้การโจมตีจากเรือดำน้ำ
ด้านประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า ขีปนาวุธคาลิเบอร์สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ แต่หวังว่าจะไม่ถึงขั้นที่จำเป็นต้องนำมาใช้ในการปราบปรามการก่อการร้าย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแจ้งว่า ได้เพิ่มปฏิบัติการโจมตีในซีเรียตั้งแต่วันเสาร์ด้วยการปูพรมทิ้งระเบิด 1,920 ลูก ทำลายศูนย์บัญชาการ 70 แห่ง ฐานฝึกรบ 21 แห่ง คลังแสง 43 แห่ง และเป้าหมายอื่น ๆ ในจังหวัดอเลปโป อิดลิบ ลาตาเกีย และแพลไมรา หลังจากเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน
ขณะที่ Brett McGurk ทูตพิเศษของผู้นำสหรัฐประจำกลุ่มพันธมิตรต่อต้านซีเรีย ระบุว่า เป้าหมายส่วนใหญ่ในการโจมตีของรัสเซียไม่ใช่กลุ่ม ISIL โดยพบว่ามีเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นที่มีการโจมตีไปยังเป้าหมาย ISIL ของรัสเซีย ขณะที่เป้าหมายส่วนมากของรัสเซียเป็นกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรียกลุ่มอื่นๆ