โฆษก ตร.เผยกำลังตรวจสอบกรณี”ปวีณ” ยื่นขอลี้ภัยที่ออสเตรเลีย โดยอ้างถูกคุกคามจากขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา ระบุเป็นสิทธิที่จะทำได้ และหากติดต่อมา ตร.ก็พร้อมช่วย ด้านเจ้าตัวเผยผ่านทีวีออสเตรเลีย ระบุมีอำนาจรัฐระดับสูงเกี่ยวข้องขบวนการค้ามนุษย์
MGR Online รายงานวันพฤหัสบดี (10 ธันวาคม) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่ยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองต่อรัฐบาลออสเตรเลียเนื่องจากเกรงว่าจะมีอันตรายจากขบวนการค้ามนุษย์ และมีผู้อำนาจรัฐอยู่เบื้องหลังว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเห็นว่าเป็นสิทธิที่เจ้าตัวสามารถดำเนินการได้ และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นที่จะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่ง พล.ต.ต.ปวีณได้ลาออกจากราชการไปแล้ว แต่หากมีการติดต่อมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยินดีที่จะพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับ พล.ต.ต.ปวีณได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการ หลังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และล่าสุด พล.ต.ต.ปวีณ ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ทางช่อง ABC ของประเทศออสเตรเลียว่า ตนเองอยู่ระหว่างการยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองต่อรัฐบาลออสเตรเลีย เนื่องจากเกรงว่าจะมีอันตรายจากขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา
พล.ต.ต.ปวีณยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เขาได้ทำการสืบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ที่เกิดขึ้นจากหลักฐานต่าง ๆ จนสามารถออกหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ได้ถึง 153 หมายจับ และเมื่อเดือนที่ผ่านมาผู้ต้องหาจำนวน 88 คน ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง นักการเมืองท้องถิ่น และนักธุรกิจถูกนำตัวขึ้นไต่สวนในศาล แต่แล้วกระบวนการสืบสวนของ พล.ต.ต.ปวีณต้องหยุดลง โดยตัวเขาถูกย้ายไปประจำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนทีมสืบสวนนั้นก็ถูกยุบไปหลังปฏิบัติการณ์ได้เพียง 5 เดือน ซึ่ง พล.ต.ต.ปวีณกล่าวว่า ภารกิจของชุดสืบสวนนั้นยังคงมีเหลืออีกมาก
“คนที่สามารถกักขังผู้คนหลายร้อยได้โดยไม่ถูกจับกุมมาเป็นเวลาหลายปีขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นคนธรรมดาได้หรอก” พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวพร้อมระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐอีกมากมายที่ควรจะถูกดำเนินคดี ในจำนวนนั้นมีกระทั่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง
“ขบวนการค้ามนุษย์เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ทั้งในกองทัพ นักการเมืองและตำรวจ ตอนที่ผมดูแลคดีนี้มีคนคอยเตือนผมอยู่ตลอด” พล.ต.ต.ปวีณ กล่าว
อดีตนายตำรวจไทยยังได้กล่าวโทษ “ผู้มีอิทธิพล” ที่ทำให้เกิดการโยกย้ายของเขา โดยบอกว่า “การสับเปลี่ยนตำแหน่งของผมให้ลงไปอยู่ชายแดนภาคใต้มันหมายความว่าพวกนั้นต้องการฆ่าผม”
พล.ต.ต.ปวีณ เกรงว่า การพิจารณาคดีที่กำลังจะมีขึ้นจะเกิดการประนีประนอม ซึ่งนั่นจะทำให้พวกผู้ต้องหาเหล่านั้นไม่ถูกตัดสินลงโทษ นอกจากนี้เขายังเป็นพยานรายสำคัญในการพิจารณาคดีและรู้ด้วยว่าพยานหลายรายถูกข่มขู่จนหวาดกลัวที่จะให้ข้อมูลหลักฐาน
“ผมรู้สึกเศร้าใจและรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ที่คนพวกนั้นจะไม่ถูกลงโทษ” พล.ต.ต.ปวีณ กล่าว
เมื่อถูกถามว่าใครอยู่เบื้องหลังการขัดขวางกระบวนการทำงานในครั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ระบุชื่อของผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ยืนยันว่ามีผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงพัวพันกับแก๊งค้ามนุษย์อย่างแน่นอน ทั้งจากกองทัพ ตำรวจ รวมถึง กลุ่มนักการเมือง มิเช่นนั้นค่ายกักกันชาวโรฮิงญา ที่ตั้งอยู่กลางป่า คงไม่สามารถเล็ดรอดสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐไปได้