WHO ชี้ไทยเสี่ยงป่วย “ไข้หวัดใหญ่” เพิ่มขึ้น เร่งป้องกันควบคุม

กระทรวงสาธารณสุขเผยองค์การอนามัยโลกระบุประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ส่งหนังสือขอความร่วมมือกระทรวงกลาโหม ยุติธรรม ศึกษาธิการ วัฒนธรรม และกรุงเทพมหานคร เร่งรัดเตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ก่อนถึงฤดูการระบาดในช่วงต้นปี 2559

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงมกราคมถึงมีนาคมของทุกปีเป็นช่วงการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) แต่ละปีพบผู้ป่วยประมาณ 40,000-120,000 คน เสียชีวิตประมาณ 200 กว่าคน โดยมีการระบาดปีละ 2 ระลอก คือ ต้นปี และกลางปี ข้อมูลองค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อพฤศจิกายน 2558 รายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในทวีปเอเชียส่วนใหญ่แนวโน้มลดลง มีบางประเทศที่มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ได้แก่ การ์ตาร์ บาห์เรน อินเดีย ลาว และไทย ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ 1 มกราคม – 30 พฤศจิกายน 2558 ประเทศไทยพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (H1N1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 67,361 คน เสียชีวิต 27 ราย ยังไม่พบการระบาดรุนแรง พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน 2 เหตุการณ์ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกาญจนบุรี ในเดือนพฤศจิกายน 2558ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี กระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือขอความร่วมมือดําเนินการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ก่อนที่จะเข้าถึงฤดูกาลระบาด เพื่อให้การควบคุมป้องกันโรคมีประสิทธิภาพ ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ยุติธรรม ศึกษาธิการ วัฒนธรรม และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดทุกแห่ง ดำเนินการดังนี้
1. เฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ และประสานงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หากพบการระบาดต้องรีบแจ้งเตือนโรงพยาบาลในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมการดูแลผู้ป่วยทันที
2. ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน เฝ้าระวังโรคในชุมชนรวมทั้งให้คําแนะนําประชาชนในการส่งเสริมสุขภาพอนามัย
3. ประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง เน้นสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจํานวนมาก เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร สถานประกอบการ การจัดกิจกรรมต่าง
4. เผยแพร่ข้อมูลความรู้และแนวทางปฏิบัติในการคัดกรองและการดูแลรักษาผู้ป่วย ตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นการให้ยาโอเซลทาร์มิเวียร์ (Oseltamivir) ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงและกลุ่มเสี่ยง ให้แพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชนภายในจังหวัดทราบอย่างทั่วถึง และให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้แม้ไม่ได้รับวัคซีน โดยยึดหลักสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วย ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย ไม่อยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน หากสงสัยป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ มีไข้สูง ไอ และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. หญิงมีครรภ์ 2. เด็กเล็ก 3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 4. ผู้สูงอายุ ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาทันทีป้องกันการเสียชีวิต ส่วนผู้ป่วยทั่วไป ควรหยุดงาน หยุดเรียน อยู่บ้าน ถ้าต้องไปสถานที่สาธารณะหรือขึ้นรถโดยสาร ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น หากอาการรุนแรง เช่น หอบเหนื่อย ควรพบแพทย์ทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

ความคิดเห็น

comments