สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลามิก (CAIR) เผยข้อมูลล่าสุดในวันเสาร์ (12 ธันวาคม) ระบุมัสยิดและศูนย์วัฒนธรรมอิสลามทั่วสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับการข่มขู่คุกคาม และตกเป็นเป้าของการโจมตีที่มีต้นตอจาก “ความเกลียดชัง” เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2015 นี้
ผลการศึกษาขององค์กรดังกล่าวซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมซีเอ็นเอ็นในวันเสาร์ (12 ธ.ค.)พบข้อมูลว่า นับตั้งแต่เริ่มปี 2015 นี้เป็นต้นมาเกิดเหตุโจมตีที่มีเป้าเป็นมัสยิด รวมถึงศูนย์วัฒนธรรมอิสลามทั่วสหรัฐอเมริกาแล้วอย่างน้อย 63 ครั้ง ถือเป็นสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ชาวอเมริกันมีความเกลียดชังชาวมุสลิมและศาสนาอิสลามเพิ่มมากขึ้น มาจากการก่อเหตุโจมตีและสังหารผู้คนแบบป่าเถื่อนของกลุ่ม ISIL ในซีเรียและอิรักที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อสำนักต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมถึงเหตุก่อวินาศกรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
ด้านคอรีย์ เซย์เลอร์ โฆษกองค์กร CAIR เผยว่า กลุ่ม ISIL มีจุดมุ่งหมายแอบแฝงในการสร้างความหวาดระแวง และสร้างความเกลียดชังกันเองในหมู่พลเมืองอเมริกัน และยอมรับว่าในเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ถือเป็นเดือนที่เกิดความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ กับมัสยิดและศูนย์วัฒนธรรมของชาวมุสลิมในสหรัฐฯ สูงที่สุดในรอบปีนี้
ผลการศึกษาล่าสุดพบข้อมูลว่า กระแสความเกลียดชังชาวมุสลิมในอเมริกาได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างสำคัญหลังเหตุก่อวินาศกรรม 9/11 เมื่อปี 2001 ก่อนจะกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2014 เมื่อกลุ่ม ISIL เผยแพร่วิดีโอแสดงการฆ่าตัดศีรษะตัวประกันชาวอเมริกัน 2 ราย และก่อให้เกิดการขยายตัวของกระแสต่อต้านอิสลามในสหรัฐฯ เป็นวงกว้างเริ่มตั้งแต่ระดับเพื่อนบ้านและระดับชุมชนซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ด้านนิฮัด อาวาด ผู้อำนวยการใหญ่องค์กร CAIR ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า จำนวนเหตุรุนแรงในสหรัฐฯ ที่มีชาวมุสลิม และแหล่งรวมชาวมุสลิมเป็นเป้าหมาย ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเหตุก่อวินาศกรรมที่กรุงปารีส ในประเทศฝรั่งเศส, เหตุกราดยิง 14 ศพที่ซาน เบอร์นาร์ดิโน และการแสดงความคิดเห็นต่อต้านชาวมุสลิมของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ที่เสนอให้มีการห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสู่แผ่นดินอเมริกาโดยเด็ดขาด
โดยในสภาพแวดล้อมที่ถูกปลุกปั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทรัมป์ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกชิงทำเนียบขาว ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ตั้งแต่ลอบวางเพลิงจนถึงโจมตีคนหรือชุมชนอิสลามมากเป็นประวัติการณ์ทั่วอเมริกา แม้กระทั่งเด็กนักเรียนยังถูกแกล้งและสบประมาท
ตัวอย่างเช่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12) สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เข้าสอบสวนเหตุไฟไหม้ทางเข้าศูนย์อิสลามในปาล์มสปริง เทศมณฑลริเวอร์ไซด์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันศุกร์ (11) ตอนที่ ชาวมุสลิมกำลังละหมาด แม้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่พอล รูอิซ สมาชิกรัฐสภา ระบุว่า ต้นเหตุอาจเป็นอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งหมายถึงสาเหตุเกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน โดยที่มัสยิดดังกล่าวอยู่ในแคลิฟอร์เนียเช่นเดียวกับซานเบอร์นาดิโน
เช่นเดียวกับที่จอร์เจีย มีรายงานว่า เด็กหญิงวัย 13 ปีที่สวมญิหาบ ถูกครูที่โรงเรียนถามว่ามีระเบิดอยู่ในเป้หรือไม่ เด็กหญิงคนดังกล่าว ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ จากโรงเรียนของรัฐบาลที่อยู่ในเทศมณฑลกวินเน็ตต์ แถบชานเมืองในแอตแลนตา ได้บอกว่า คำถามของครูเป็นการดูหมิ่นอย่างรุนแรง ขณะที่พ่อเด็กระบุลูกสาวถูกเลือกปฏิบัติ
ในวันเสาร์ โฆษกสภาความสัมพันธ์อเมริกา-อิสลาม (แคร์) ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษว่า เหตุการณ์ที่กวินเน็ตต์เป็นเพียงหนึ่งในเหตุการณ์มากมายที่เชื่อว่า บ่งชี้การมีอคติต่อชาวมุสลิมที่เพิ่มมากขึ้นในอเมริกา
อิบราฮิม ฮูเปอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภายในประเทศของแคร์กล่าวว่า กระแสดังกล่าวคุกรุ่นขึ้นหลังเหตุสังหารหมู่ที่ปารีสตามมาด้วยเหตุกราดยิงที่แคลิฟอร์เนีย แล้วถูกปลุกปั่นให้รุนแรงยิ่งขึ้นจากการแสดงความคิดเห็นของทรัมป์ ที่เสนอให้ห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าอเมริกา
แม้แต่สำนักงานใหญ่ของแคร์ในวอชิงตัน กับสำนักงานประจำภูมิภาคในซานตาคลาราในย่านเบย์แอเรียของแคลิฟอร์เนีย ยังต้องอพยพคนออกจากอาคารเมื่อวันศุกร์ หลังมีพัสดุต้องสงสัยที่ภายในบรรจุผงสีขาวส่งมา ซึ่งภายหลังพบว่า ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
รายงานจากฟลอริดายังระบุว่า หญิงมุสลิมสองคนในแทมปาเบย์ถูกลอบสังหารหลังกลับจากการไปร่วมละหมาด โดยคนหนึ่งถูกยิงและอีกคนเกือบขับรถตกถนนเพราะถูกซุ่มปาด้วยก้อนหิน
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชายนิวยอร์กหนึ่งคนถูกตั้งข้อหาก่อกวนและพยายามทำร้ายร่างกาย ซึ่งเข้าข่ายอาชญากรรมจากความเกลียดชัง โดยก่อความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับพนักงานมุสลิมในร้านพิซซ่าแห่งหนึ่ง
นอกจากนั้นยังมีมัสยิดแห่งหนึ่งในฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา ถูกบุกรุกทำลายทรัพย์สินโดยที่ยังไม่ทราบแรงจูงใจของผู้กระทำ ส่วนที่ฟลูเกอร์วิลล์ในรัฐเทกซัส สำเนาคัมภีร์อัลกุระอานถูกฉีกและละเลงด้วยอุจจาระทิ้งไว้หน้าทางเข้ามัสยิด
อย่างไรก็ดี หลังเหตุการณ์ที่ฟลูเกอร์วิลล์ ผู้คนในชุมชนที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมพากันไปบริจาคเงิน นำดอกไม้และการ์ดไปวางให้กำลังใจ ทั้งยังวิจารณ์การกระทำที่ไม่พึงประสงค์ดังกล่าว
เช่นเดียวกับที่โอมาฮา รัฐเนบราสกา กลุ่มอเทวนิยมและกลุ่มศึกษาเรื่องมนุษยชาติเตรียมเดินทางไปยังศูนย์อิสลามในท้องถิ่นเมื่อวันเสาร์เพื่อให้กำลังใจ หลังจากอาคารดังกล่าวถูกบุกทำลายถึงสามครั้งในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังเหตุโจมตีปารีส