อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันประกาศล่าสุด ต้องการลดจำนวนผู้ลี้ภัยซีเรียเข้าประเทศ แต่ปฎิเสธที่จะประกาศ “ตัวเลขจำกัดจำนวนผู้ลี้ภัย” หลังตกเป็นเป้าโจมตีนโยบายเปิดประเทศรับผู้ลี้ภัยที่คาดว่าจะร่วม 1 ล้านคนเข้าเยอรมันในปีนี้ หลังจากความตรึงเครียดของกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรงที่ต่อต้านผู้ลี้ภัยได้ลามเข้าสู่รั้วโรงเรียน หลังพบเด็กผู้ลี้ภัยอายุต่ำสุด 9 ปีถูกแก๊งเด็กนักเรียนเยอรมัน เพื่อนร่วมโรงเรียน รุมทำร้ายจนถึงขั้นต้องเข้าเฝือก
ยูโรนิวส์ รายงานวันนี้(14)ว่า นโยบายการรับผู้อพยพเข้ามาลี้ภัยในเยอรมัน และทำให้คาดว่า ภายในปีนี้จะมีจำนวนเดินทางเข้าสูงถึง 1 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในประวัติการณ์
อย่างไรก็ตามนโยบายเปิดประตูกว้างรับผู้อพยพนี้ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก รวมไปถึงภายในพรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน CDU และยังได้รับการต่อต้านจนถึงขั้นเดินขบวนจากกลุ่มขวาจัด จนทำให้แมร์เคิลต้องออกมาประกาศว่าจะหาทางแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือจากอียู ซึ่งการประกาศในครั้งนี้เกิดขึ้นล่วงหน้า 2 วันก่อนการประชุมพรรคคริสเตียนเดโมแครตในเมือง Karlsruhe ทางใต้ของเยอรมัน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันนี้(14)
“การลดจำนวนผู้ลี้ภัยเข้าเยอรมันควรผ่านความร่วมมือกับยุโรป และร่วมไปถึงจัดการปัญหาที่เป็นตัวการทำให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ต้องหลบหนีออกจากบ้านเกิด และไม่ใช่เป็นการดำเนินการจากมาตรการของเยอรมันฝ่ายเดียว ซึ่งแน่นอนที่สุดเราต้องมีมาตรการออกมา แต่มาตรการที่ว่านี้ต้องสอดคล้องกับมาตรการของยุโรป” แมร์เคิล
และในยุทธศาสตร์การจัดการแก้ปัญหาการไหลเข้าผู้อพยพซีเรียของแมร์เคิลรวมไปถึงความร่วมมือกับตุรกี ประเทศหน้าด่านก่อนข้ามเข้าสู่สหภาพยุโรป ในการต่อต้านกลุ่มลักลอบค้ามนุษย์ ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่โดยรวมในแคมป์ผู้ลี้ภัยที่ตั้งในพรมแดนตุรกี จอร์แดน และเลบานอน รวมไปถึงการมีนโยบายทำให้มีความเข้มงวดในการควบคุมพรมแดนด้านนอกของสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ตาม ผู้นำเยอรมันประกาศยืนยันเสียงแข็งว่า “ตัวเลขจำกัดจำนวน” ไม่ได้อยู่ในนโยบายของพรรครัฐบาลคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน
ยูโรนิวส์รายงานต่อว่า นโยบายรับผู้ลี้ภัยอย่างเปิดกว้างของแมร์เคิลยังรวมไปถึงการรับผู้อพยพเข้าประเทศโดยไม่เลือกว่า ผู้อพยพคนนั้นจะลงทะเบียนเข้าสู่สหภาพยุโรปโดยลงทะเบียนที่ประเทศไหน และทำให้เป็นที่กังวลเป็นอย่างมากในหมู่ประชาชนชาวเยอรมัน
นอกจากนี้นักวิจารณ์สายอนุรักษ์ของเยอรมันที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายนี้ เรียกร้องให้แมร์เคิลลดจำนวนผู้ลี้ภัยที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศลง โดยต้องการให้ลดลงก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำรัฐ 3 รัฐที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้
ทั้งนี้การต่อต้านจากกลุ่มขวาจัดในเยอรมันเริ่มขยายเป็นวงกว้าง ซึ่งนอกจากการประท้วง ลอบเผาศูนย์ผู้อพยพแล้ว การต่อต้านยังลามเข้าไปภายในรั้วโรงเรียนเยอรมันแล้ว โดยจากการรายงานของดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษในวันศุกร์(11)พบว่า ล่าสุดตำรวจเยอรมันกำลังสอบสวนเหตุเหยื่อเด็กผู้ลี้ภัยถูกเพื่อนร่วมโรงเรียนชาวเยอรมันรุมทำร้าย และร้ายแรงจนถึงขั้นกระดูกหัก
โดยสื่ออังกฤษอ้างอิงจากการรายงานของสื่อเยอรมัน “เดอะ โลคัล” ว่า การรุมทำร้ายเด็กผู้ลี้ภัยในรั้วโรงเรียนพบในโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองไลพ์ซิก( Leipzig) ในเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่กลุ่มผู้ลี้ภัยเด็กถูกส่งมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อเรียนภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ 3 โดยเด็กเหล่านี้ได้เข้าเรียนร่วมกับเพื่อนนักเรียนชาวเยอรมันในพื้นที่
สื่อเดอะโลคัลรายงานต่อโดยอ้างจากการแถลงของตำรวจไลฟ์ซิกว่า มีการพบเด็กนักเรียนเยอรมันอายุราว 13-14 คนได้รุมทำร้ายนักเรียนผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ที่มีการกระทำตั้งแต่ถ่มน้ำลายใส่ ขว้างหิน ปิดประตูกระแทกหน้า ไปจนถึงขั้นการรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ซึ่งทางตำรวจไลฟ์ซิกระบุว่า พบว่าเหยื่อผู้ลี้ภัยที่ถูกทำร้ายมีอายุต่ำสุดอยู่ที่ 9 ปีซึ่งเป็นเด็กหญิง และได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นต้องถูกส่งโรงพยาบาลเพราะกระดูกแตก และได้รับการพยาบาลทำการดามเฝือก
และอีกรายเป็นเด็กอายุ 14 ปีถูกรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นส่งโรงพยาบาลเช่นกัน
ซึ่งหลังจากมีการรุมทำร้ายเกิดขึ้นทำให้โรงเรียนแห่งนี้กำลังหาทางมีมาตรการปกป้องเด็กผู้ลี้ภัยเพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น และยังอยู่ในระหว่างการวินิจฉัยว่าควรจะลงโทษนักเรียนเยอรมันเหล่านี้ที่ลงมือรุมทำร้ายอย่างไร
ทั้งนี้สื่อเยอรมันระบุว่า คดีรุมทำร้ายร่างกายขั้นร้ายแรงเหล่านี้ เป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของการเมืองกลุ่มขวาจัดในนโยบายต่อต้านผู้ลี้ภัยเข้าเยอรมัน
ซึ่งก่อนหน้านั้นในวันพฤหัสบดี(10)กลุ่มชาวเยอรมันจำนวนราว 30 คนเข้าโจมตีรถบัสขนผู้ลี้ภัยใกล้เมืองไลฟซิก