ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้าย ในหลายมลรัฐทางภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มจำนวนเป็นอย่างน้อย 31 รายแล้ว ขณะที่ผู้คนอีกจำนวนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนทั้งในมลรัฐมิสซิสซิปปี โอกลาโฮมา เทนเนสซี ลุยเซียนา และอิลลินอยส์
รายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยในหลายมลรัฐทางภาคใต้ของสหรัฐฯ ล่าสุด ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างน้อย 31 รายแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ถูกกระแสน้ำพัดพาไปขณะพยายามขับขี่หรือโดยสารรถแล่นฝ่าน้ำท่วม รวมถึงวัยรุ่นรายหนึ่งจากตอนกลางของมลรัฐอิลลินอยส์ที่ถูกกระแสน้ำซัดหายไปพร้อมกับรถบรรทุกคันหนึ่ง ก่อนที่ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะพบศพของเขาในเวลาต่อมาเมื่อวันศุกร์ ( 1 มกราคม)
เมื่อวันศุกร์ (1) บรู๊ซ รอเนอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ออกประกาศให้พื้นที่ 12 เขตภายในมลรัฐของตน กลายเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมลรัฐอิลลินอยส์เร่งเดินทางลงพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาผู้ประสบภัยโดยเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้ของมลรัฐที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดจากน้ำท่วมคราวนี้
ด้านทางการท้องถิ่นของมลรัฐลุยเซียนา เร่งตรวจสอบการเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำท่วมและสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง และมีการคาดการณ์ว่า เหตุอุทกภัยครั้งนี้ ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างความเสียหายหนักที่สุด แก่มลรัฐลุยเซียนา นับจากการพัดถล่มของพายุเฮอร์ริเคน “แคทรินา” เมื่อหลายปีก่อน
ขณะที่บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง “เอ็กซอน โมบิล” ออกคำสั่งภายในให้ปิดทำการโรงกลั่นน้ำมันของตน ที่มีกำลังการผลิตสูงถึงวันละ 340,571 บาร์เรลในเมืองเมมฟิส มลรัฐเทนเนสซี หลังจากที่ระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทบต่อความปลอดภัยของโรงกลั่นแห่งดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากทางใต้ของตัวเมืองเมมฟิสเพียงเล็กน้อย
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นรวมถึงอาสาสมัครของหลายท้องที่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมลรัฐเทนเนสซี กำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลาในการเตรียม “กระสอบทราย” เพื่อใช้สกัดกั้นและบรรเทาความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นจากกระแสน้ำท่วมที่เตรียมไหลบ่ามาจากมลรัฐมิสซิสซิปปีในช่วงสัปดาห์หน้า และมีการเตรียมสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแล้ว