ISIL สร้างความประหลาดใจหลังออกโรงขู่ล้มการปกครองของซาอุฯ-โจมตีเรือนจำที่ซาอุฯใช้คุมขังสมาชิกอัลกออิดะห์ หลังซาอุดิอาระเบียได้ประหารชีวิตผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายรวม 47 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีแกนนำกบฎชีอะห์ และ 43 สมาชิกอัลกออิดะห์ ทั้งที่อัลกออิดะห์มีนโยบายตรงข้ามกับ ISIL และยังเป็นคู่ต่อสู้สำคัญของ ISIL ในซีเรียด้วย
ISIL ซึ่งเคยประกาศความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีหลายครั้งในซาอุดีอาระเบีย ได้ระบุชื่อเรือนจำ อัล-ฮัยร์ และเรือนจำตัรฟียา เป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากมีผู้สนับสนุนอัลกออิดะห์และไอเอสถูกคุมขังอยู่เป็นจำนวนมาก
“ISIL หาโอกาสที่จะปลดปล่อยผู้ต้องขังเหล่านี้อยู่เสมอ แต่เราคิดดูแล้วว่าปัญหาการจับกุมจะไม่ยุติลงได้จนกว่าระบอบการปกครองของทรราชจะถูกทำลาย จากนั้นเราจึงค่อยพังเรือนจำของพวกมันให้ราบ” หนึ่งในข้อความที่โพสต์ในสื่อออนไลน์เมื่อวันอังคาร (5) ระบุ
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จุดตรวจหน้าเรือนจำ อัล-ฮัยร์ เคยถูกผู้สนับสนุน ISIL โจมตีด้วยระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายมาแล้ว
ซาอุดิอาระเบียประกาศให้ ISIL และอัลกออิดะห์เป็น “องค์กรก่อการร้าย” และได้จับกุมผู้สนับสนุนทั้งสองกลุ่มมาดำเนินคดีได้หลายพันคน
นักโทษก่อการร้ายที่ซาอุฯ สั่งประหารเมื่อวันเสาร์ (2) มีกลุ่มก่อการร้ายชีอะห์รวมอยู่ด้วย 4 ราย และหนึ่งในนั้นก็คือ นายนิมรา อัล-นิมรา ครูสอนศาสนาชีอะห์ที่ผันตัวมาเป็นกลุ่มกบฎหวังล้มล้างการปกครองของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
ขณะที่ ISIL ได้ก่อเหตุกราดยิง วางระเบิด และสังหารเหยื่อในซาอุฯ ไปมากกว่า 50 รายตั้งแต่เดือน พฤศจิกายนปี 2014 โดยเป้าหมายส่วนใหญ่มักโจมตีเป้าหมายพลเรือนในพื้นที่ชีอะห์ และมีหน่วยความมั่นคงซาอุฯถูกสังหารไปด้วยอย่างน้อย 15 นายรวมอยู่ด้วย
หน่วยงานความมั่นคงชี้ว่า ISIL ในซาอุฯ มักจะลงมือก่อเหตุด้วยตนเอง โดยพึ่งพา ISIL เฉพาะในด้านการขนส่งหรือคำแนะนำเท่านั้น ซึ่งการโจมตีลักษณะนี้สกัดกั้นได้ยาก แต่ก็จะก่อเหตุใหญ่ๆ ได้ยากเช่นกัน
ขณะที่อัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาระเบีย (AQAP) เคยประกาศเมื่อเดือน ธันวาคมปีที่แล้วว่า ทหารรับใช้ราชวงศ์สะอูดจะต้องชดใช้ด้วย “เลือด” หากสมาชิกของพวกเขาถูกประหาร แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวหรือแถลงการณ์ใดออกมาจากกลุ่มดังกล่าวหลังการประหารชีวิตเกิดขึ้น และปฎิบัติการของกลุ่ม ISIL ในเยเมนยังแต่กต่างจาก AQAP โดยที่ ISIL ก่อเหตุโจมตีเป้าหมายพลเรือนชีอะห์ และฝ่ายความมั่นคงของชาติพันธมิตรมุสลิมในเยเมน แต่ AQAP มีเป้าหมายชัดเจนในการช่วยเหลือชนเผ่า และกองกำลังชาติมุสลิมต่อต้านการคุกคามของกองกำลังชีอะห์ในเยเมน