นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษกล่าวในวันจันทร์ (18 มกราคม) ว่า จำเป็นต้องมีความพยายามมากกว่านี้ในการช่วยเหลือให้สตรีชาวมุสลิมเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อรับมือกับการเลือกปฏิบัติและการกีดกันทางเพศในชุมชนของพวกเธอ
ในหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ คาเมรอนเขียนว่า ถึงเวลาที่จะต้องเผชิญหน้ากับ “ทัศนคติล้าหลัง” ที่ยึดถือโดยผู้ชายชาวมุสลิมส่วนน้อยที่ใช้อำนาจควบคุมบรรดาผู้หญิงในชีวิตของพวกเขา
ผู้นอังกฤษได้ตั้งกองทุนภาษามูลค่า 20 ล้านปอนด์สำหรับผู้หญิงในชุมชนห่างไกลในฐานะส่วนหนึ่งของการผลักดันเพื่อสร้างบูรณาการทางสังคม
เขากล่าวด้วยว่า ผู้อพยพจะถูกบังคับให้ต้องพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษหรือความสามารถของตนเพื่อที่จะอยู่ในอังกฤษต่อไป
คาเมรอนกล่าวว่า ข้อมูลใหม่เผยให้เห็นว่า สตรีชาวมุสลิมราว 190,000 คน หรือ 22 เปอร์เซ็นต์ พูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อยหรือพูดไม่ได้เลย มีราว 40,000 คนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่หลายคนอาศัยอยู่ในอังกฤษมานานหลายสิบปีแล้ว
เขากล่าวว่า สตรีชาวมุสลิมกำลังเสนอ “ภาพอันน่าตกใจของการบังคับกีดกันทางเพศ การเลือกปฏิบัติ และการโดดเดี่ยวทางสังคมจากชีวิตกระแสหลักของชาวอังกฤษ”
นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีกล่าวว่าสังคมอังกฤษจะต้องยืนหยัดเรื่องคุณค่าด้านเสรีภาพมากกว่านี้ และมีความชัดเจนเกี่ยวกับความคาดหวังที่เรามีต่อเหล่าผู้ที่เข้ามาอาศัยที่นี่และสร้างประเทศของเราด้วยกัน”
เขากล่าวว่า มันขึ้นอยู่กับการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวผู้อพยพ หากพวกเขาต้องการที่จะอยู่ในอังกฤษต่อไปหรือขอสถานะพลเมือง
