รัฐมนตรีน้ำมันของกาตาร์ ระบุว่า ประเทศผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเห็นพ้องกันในวันอังคาร (16 กุมภาพันธ์) ที่จะตรึงการผลิตน้ำมันเพื่อทำให้เกิดเสถียรภาพในตลาด เชื่อมีผลหากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ชาติอื่นๆ ทำตาม ห่วงอิหร่านหลังประกาศเดินหน้าผลิตน้ำมันเพิ่มอีกเท่าตัว
มูฮัมหมัด บิน ซอและห์ อัล-ซาดา รัฐมนตรีพลังงานของกาตาร์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุฯ เวเนซุเอลา กาตาร์ และรัสเซีย ได้เห็นพ้องที่จะตรึงการผลิตไว้ที่ระดับเดียวกับเดือนมกราคม เพื่อให้ผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นทำตาม เพื่อลดอุปทานส่วนเกิน เพื่อทำราคาน้ำมันขยับขึ้นได้ แต่ยังแสดงความเป็นห่วงการประกาศเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1 ล้านบาเรล์ต่อวันของอิหร่าน จะทำให้ปัญหาไม่ถูกแก้ไข
“ขั้นตอนนี้มีขึ้นเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด” ซาดา กล่าว
อาลี อัล-นาอีมี รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุฯ ระบุว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการซึ่งจะใช้ประเมินผลในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แล้วค่อยตัดสินใจว่าจำเป็นจะต้องใช้วิธีอื่นในการรับรองและสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดหรือไม่
“เราไม่ต้องการให้ราคามีความเคลื่อนไหวมากนัก เราไม่ต้องการลดอุปทาน เราอยากจะตอบสนองต่ออุปสงค์และอยากให้ราคาน้ำมันคงที่” เขากล่าว
หลังการประกาศตรึงการผลิตครั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์งวดส่งมอบเดือนเมษายนได้เพิ่มขึ้น 50 เซ็นต์ ไปอยู่ที่ราคา 33.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ราคาขยับขึ้น 35 เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 29.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันได้ร่วงลงมาราว 70 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 ที่ผ่านมา โดยได้รับผลกระทบจากผลผลิตล้นตลาด สวนทางกับความต้องการ ทั้งยังมีเรื่องความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
“ผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น ทั้งในและนอกโอเปค คาดว่าจะเริ่มมีการเจรจากันอย่างจริงจังแทบจะทันที ไม่มีการรั้งรอ” รัฐมนตรีน้ำมันกาตาร์ ซึ่งจะเป็นผู้นำในการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้ กล่าว
ที่ผ่านมา 13 ชาติสมาชิกโอเปค ซึ่งมีซาอุดีอาระเบีย เวเนซุเอลา กาตาร์และอิหร่านเป็นสมาชิกอยู่ด้วยนั้น ไม่ยอมลดกำลังการผลิต เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากธุรกิจหินน้ำมันของสหรัฐฯ และผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่นอกกลุ่มโอเปกอย่างรัสเซีย
ส่งผลให้รัสเซียต้องพบกับภาวะถดถอยที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจในระดับเลวร้ายจากการตกต่ำของราคาน้ำมัน
นาอีมี ระบุว่า 4 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมในวันอังคารนั้นเห็นพ้องกันว่า การตรึงผลผลิตไว้ที่ระดับเดียวกับเดือนมกราคมนั้นถือว่ามีความเหมาะสมต่อตลาด