บริษัทน้ำมัน โททาล (Total) ของฝรั่งเศสถูกศาลอุทธรณ์ในกรุงปารีสสั่งปรับเป็นเงิน 750,000 ยูโร (ราว 30 ล้านบาท) วันศุกร์ (26) ฐานพัวพันคดีทุจริตโครงการ “น้ำมันแลกอาหาร” ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ริเริ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลืออิรักในช่วงที่ยังอยู่ภายใต้การถูกคว่ำบาตรของนานาชาติ
นอกจาก โททาล ก็ยังมีบริษัทน้ำมันดัตช์ ไวทอล (Vitol) ซึ่งมีฐานอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ถูกสั่งปรับเป็นเงิน 300,000 ยูโรด้วยความผิดเดียวกัน
โททาล และไวทอล อยู่ในกลุ่มบุคคลและบริษัทกว่า 10 แห่งที่เคยถูกยกฟ้องข้อหาคอร์รัปชันไปเมื่อปี 2013 หลังศาลใช้เวลาสืบคดีอยู่นานถึง 8 ปี
บริษัทพลังงานทั้ง 2 แห่งถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินจากโครงการมูลค่า 64,000 ล้านดอลลาร์ของ UN ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้อิรักซึ่งขณะนั้นถูกนานาชาติคว่ำบาตรสามารถส่งออกน้ำมันได้ในปริมาณจำกัด เพื่อนำเงินมาซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคและยารักษาโรค ในช่วงระหว่างปี 1996-2003
รัฐบาลอิรักในยุคหลังที่ได้รับมอบอำนาจต่อจากสหรัฐ และเป็นรัฐบาลที่ใกล้ชิดกับอิหร่าน คูปรับเก่าของรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซ็น กล่าวหาว่า การทุจริตของรัฐบาลซัดดัมส่งผลให้ชาวอิรักต้องสูญเสียสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น คิดเป็นมูลค่าถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รัฐบาลซัดดัมให้บริษัทต่างชาติที่มีส่วนร่วมในโครงการต้องจ่ายเพิ่มอีก 10% เพื่อเป็น “ค่าขนส่ง” หรือ “บริการหลังการขาย” โดยที่เงินเหล่านี้ถูกส่งไปเข้าคลังของรัฐบาล
ผลการตรวจสอบของคณะผู้ไต่สวนสหประชาชาติซึ่งนำโดย พอล วอล์กเกอร์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อปี 2005 พบว่า รัฐบาลซัดดัมเริ่มใช้ระบบเรียกเก็บเงินตั้งแต่ปี 1999 และมีบริษัทราว 2,200 แห่งที่ยอมจ่าย “สินบน” เป็นวงเงินเกือบ 1,800 ล้านดอลลาร์ให้แก่ทางการอิรักเพื่อแลกสัญญาซื้อขาย ในจำนวนนี้เป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส 180 แห่ง
