“ตายายเก็บเห็ด” พร้อมพยานพบกองปราบ DSI สอบไม่พบตอไม้ของกลาง ผบ.ตร.พบอิทธิพลเอี่ยว

“ตายายเก็บเห็ด” พร้อมทนายพาพยานปากเอกพบกองปราบปราม เผย ผบ.ตร.ให้ความสนใจเหตุมีผู้อิทธิพลเอี่ยว พร้อมยื่นหลักฐานดีเอสไอลงพื้นที่กลับไม่พบของกลาง 700 ตอที่มีในบันทึกการจับกุม

วันอังคาร (22 มีนาคม) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. MGR Online รายงานว่านายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วยนายอุดม ศิริสอน อายุ 53 ปี นางแดง ศิริสอน อายุ 50 ปี สามีภรรยาที่ตกเป็นจำเลยคดีเข้าไปเก็บเห็ดในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บ้านหนองกุงไทย หมู่ 6 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ และนายสมชาด มัทธุจัด ข้าราชการอดีตเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโสประจำสำนักงานป่าไม้ จ.เชียงใหม่ ในฐานะอนุคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผกก.(สอบสวน) บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมมอบหลักฐานเอกสารเรื่องตัดไม้หวงห้าม 72 ไร่ หรือ 700 ตอนั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร

นายสงกานต์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายอุดมและนางแดงได้เดินทางยังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อที่จะเข้าไปฟังรายงานการสืบเสาะและพินิจที่สำนักคุมประพฤติ ผลได้ระบุชัดเจนว่าทั้งคู่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของการทำไม้มาก่อน นอกจากนี้เรายังได้พยานหลักฐานเอกสารสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งในวันนี้ก็ได้มาตามเรื่องที่เคยได้ร้องทุกข์ไว้ อีกทั้งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ให้ความสนใจกับคดีดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพลพื้นที่ ประกอบกับมีการทำพยานหลักฐานเท็จปรักปรำนายอุดม และนางแดง จึงสั่งการให้ทางกองปราบปรามเข้าสืบสวนและติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการสืบสวน

นายสงกานต์กล่าวอีกว่า นอกจากจะนำพยานปากสำคัญมาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ยังได้เตรียมยื่นหลักฐาน เป็นเอกสารรับรองจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ที่ยืนยันว่านายอุดมกะโหลกร้าว มีปัญหาเรื่องการได้ยิน และขาอ่อนแรงจากการประสบอุบัติเหตุ 2 ครั้ง ในปี 2551 และ 2554 ซึ่งไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ตามที่ถูกกล่าวหาพร้อมนำข้อมูลของดีเอสไอและหน่วยงานที่ลงพื้นที่ รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียมมายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่พบตอไม้ 700 ตอตามที่อยู่ในบันทึกการจับกุมด้วย

ด้านนายสมชาดกล่าวว่า ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 มีการระบุว่าพื้นที่ถูกบุกรุกมีจำนวน 52 ไร่ ก่อนจะขยายเพิ่มเป็น 72 ไร่ จากการตรวจสอบไม่พบของกลางดังกล่าวแต่ระบุว่าพบตอไม้ 700 ตอ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ โดยปกติในการจับพื้นที่บุกรุกจะต้องนับต้นไม้เป็น 700 ต้น และมีการบิดเบือนพื้นที่จาก 52 ไร่ กลายเป็น 72 ไร่ อีกทั้งวันที่กล่าวหาว่ามีการกระทำผิดคือวันที่ 12-19 กรกฎาคม 2558 จากการตรวจสอบในวันที่ 12 กรกฎาคมยังไม่มีการพบของกลาง อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่บันทึกการจับกุม ตนจึงเข้ามาช่วยเรื่องดังกล่าวในฐานะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน

“ตั้งแต่รับตำแหน่งมา 30 ปี ผมไม่เคยพบคดีกรณีที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาแล้วไม่พบของกลาง โดยทั้งคู่มีเพียงจักรยานยนต์ ไม่มีอุปกรณ์การตัดไม้แต่อย่างใด ดังนั้นข้อเท็จจริงมันผิดตั้งแต่บันทึกจับกุมอันแรกแล้ว” นายสมชาดกล่าว

ความคิดเห็น

comments