รัฐบาลเดนมาร์กออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ (1) ว่า ได้ออกมาตรการขยายการสุ่มตรวจบัตรประจำตัวไปยังบริเวณพรมแดนเยอรมนี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ อ้างเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพแอบเข้าประเทศ

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันศุกร์ (1) ว่า วิกฤตทำให้พรมแดนรอบนอกของอียูยังคงมีความกดดันสูงอย่างต่อเนื่อง และยังมีความเป็นไปได้สูงถึงจำนวนคลื่นผู้อพยพที่อาจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย รัฐมนตรีกระทรวงการย้ายถิ่นฐานเดนมาร์ก อินเกอร์ สโตจเบิร์ก (Inger Stojberg) กล่าวผ่านแถลงการณ์

และในแถลงการณ์เดียวกันนี้ ยังชี้แจงว่า “ทางเดนมาร์กมีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการขยายการควบคุมพรมแดนของประเทศ เพื่อทำให้มั่นใจว่ากลุ่มผู้อพยพจำนวนมากจะไม่สามารถเข้ามารวมตัวในประเทศแห่งนี้ได้”

เอเอฟพีรายงานว่า มาตรการของเดนมาร์กเริ่มต้นใช้ขึ้นในวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่สวีเดนเริ่มต้นบังคับให้บริษัทผู้บริการรถไฟและเรือเฟอร์รีข้ามฟากต้องทำการตรวจเช็กหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากเดนมาร์กด้วยการข้ามช่องแคบออร์ซึนด์ (Oresund) และได้มีการขยายการบังคับใช้ถึง 4 ครั้ง

ในปีที่ผ่านมา เดนมาร์กถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านของกลุ่มผู้อพยพจำนวนมากเพื่อจะต้องการเดินทางต่อเข้าไปยังสวีเดน และแค่ในปี 2015 โคเปนเฮเกนมีผู้อพยพที่ยื่นขอความจำนงต้องการอาศัยลี้ภัยไม่ต่ำกว่า 21,000 คน ซึ่งสูงกว่า 44% จากตัวเลขในปี 2014 แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีจำนวนที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านยุโรปเหนือที่ในปีเดียวกันมีผู้อพยพของลี้ภัยอยู่ที่ 163,000 คน

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เดนมาร์กเห็นตัวเลขผู้ลี้ภัยมีจำนวนลดลง โดยมีผู้ขอยื่นประสงค์ลี้ภัยเพียง 35 คน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ทางรัฐบาลเดนมาร์กได้เริ่มนำมาตรการตรวจบัตรประจำตัวมาบังคับใช้

สโตจเบิร์ก ยังกล่าวต่อในการให้สัมภาษณ์กับสื่อแดนโคนม Ritzau ว่า “ตัวเลขจำนวนผู้อพยพไม่แน่นอน ขึ้นอยู่แต่ละวัน….ซึ่งมีปัจจัยหลายประการควบคุม” ซึ่งรัฐมนตรีการย้ายถิ่นฐานเดนมาร์กได้โยงไปถึงสภาพอากาศที่เลวร้าย และการควบคุมพรมแดนของเดนมาร์ก และของประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรปเป็นสำคัญ

ความคิดเห็น

comments

By admin