ฆาตกรสังหารหมู่นอร์เวย์ชนะคดีฟ้องร้องรัฐละเมิดสิทธิมนุษยชน ศาลระบุมาตรการขังเดี่ยวเป็นการลงโทษเพิ่มเติมจากที่ถูกลงโทษอยู่แล้ว
นายอันเดอร์ช เบห์ริง เบรวิก ฆาตกรผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ที่ประเทศนอร์เวย์ในปี 2554 ชนะคดีส่วนที่เขาฟ้องร้องรัฐบาลนอร์เวย์ในข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลระหว่างที่เขาถูกขังอยู่ในเรือนจำ ผู้พิพากษาระบุว่าการคุ้มครองสิทธิบุคคลเป็นคุณค่าพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และต้องครอบคลุมแม้แต่กับผู้ก่อการร้ายหรือฆาตกร
นายเบรวิกยื่นฟ้องรัฐบาลนอร์เวย์เมื่อเดือน มีนาคม ในข้อหาละเมิดบทบัญญัติ 2 ข้อในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนยุโรป คือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หลังถูกแยกไปขังเดี่ยวและห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอกตลอด 5 ปีที่อยู่ในเรือนจำเมืองเซียน ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต และเป็นการละเมิดบทบัญญัติที่ห้ามการลงโทษหรือปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ศาลนอร์เวย์ตัดสินให้นายเบรวิกชนะคดีในส่วนนี้เมื่อวันที่ 20 เมษายน โดยระบุว่าการขังเดี่ยวและมาตรการบางอย่างซึ่งทางเรือนจำปฏิบัติต่อนายเบรวิกโดยเฉพาะ เป็นการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ได้แก่ การสั่งขังเดี่ยวโดยได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องขังเพียงวันละ 1 ชั่วโมง และการถอดเสื้อผ้าเพื่อค้นตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่เรือนจำที่เป็นผู้หญิง ทำให้นายเบรวิกได้รับผลกระทบทางจิตใจจนไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ เข้าข่ายเป็นการลงโทษนอกเหนือจากที่ถูกพิพากษา
นางเฮเลน แอนเดนาส เซกูลิก ผู้พิพากษาคดีดังกล่าว ระบุว่าการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลมิให้ได้รับการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมเป็นคุณค่าพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และจะต้องบังคับใช้อย่างครอบคลุมแม้แต่กับผู้ก่อการร้ายหรือฆาตกร ทั้งยังสั่งให้รัฐบาลนอร์เวย์จ่ายเงินค่าต่อสู้คดี 300,000 โครเนอร์ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) ให้แก่นายเบรวิก แต่ยกฟ้องข้อกล่าวหาส่วนที่ว่ารัฐบาลละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วยการไม่ให้ติดต่อกับคนในครอบครัวและบุคคลภายนอก
ทนายผู้เป็นตัวแทนรัฐบาลนอร์เวย์ รวมถึงผู้รอดชีวิตและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการก่อเหตุของนายเบรวิก แสดงความประหลาดใจและผิดหวังที่ศาลนอร์เวย์ตัดสินเป็นคุณแก่นายเบรวิก โดยบางรายระบุว่ารู้สึกโกรธที่ฆาตกรอย่างนายเบรวิกได้รับชัยชนะในคดีดังกล่าว แม้จะเป็นเพียงบางส่วน และทางเรือนจำเมืองเซียนยังไม่ตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวหรือไม่
ทั้งนี้ นายเบรวิก ถูกตัดสินจำคุก 21 ปี จากการก่อเหตุวางระเบิดโจมตีย่านใจกลางกรุงออสโล และบุกกราดยิงค่ายเยาวชนของพรรคแรงงานบนเกาะอูเตอยา เมื่อปี 2554 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 77 คน