ทางการระบุในวันพุธ (4 พฤษภาคม) ว่าจำนวนคนไร้บ้านในเทศมณฑลลอสแองเจลิสเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านเป็น 46,874 คน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะขาดแคลนที่พักอาศัยครั้งประวัติศาสตร์
หน่วยงานบริการคนไร้บ้านของลอสแองเจลิส (LAHSA) ระบุในรายงานว่า การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นสวนทางกับการลดลงของจำนวนทหารผ่านศึกไร้บ้านและครอบครัวไร้บ้าน
การไร้ซึ่งที่อยู่อาศัยในหมู่ทหารผ่านศึกลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ทั่วเทศมณฑลแห่งนี้ ในขณะที่จำนวนครอบครัวไร้บ้านลดลง 18 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นเพราะการจัดหาเงินทุนเพิ่มขึ้นโดยรัฐบาลกลาง
“การไร้ซึ่งที่อยู่อาศัยตอบสนองต่อทรัพยากร” ปีเตอร์ ลินน์ ผู้อำนวยการสูงสุดของ LAHSA กล่าว “เมื่อเรานำทรัพยากรของเมือง ของเทศมณฑล และของส่วนกลางมาใช้อย่างเป็นระบบ เราจะเห็นผลลัพธ์”
รายงานระบุว่า จำนวนของคนไร้บ้านในเมืองลอสแองเจลิสเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่พื้นที่อื่นในเทศมณฑลเพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่า
คนไร้บ้านส่วนใหญ่ของเทศมณฑลแห่งนี้จำนวน 34,527 คนไม่มีที่พักพิง LAHSA ระบุ หมายความว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเต็นท์ เพิง หรือยานพาหนะ
“แม้ว่าจะมีความก้าวหน้า แต่ลอสแองเจลิสกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนที่พักอาศัยครั้งประวัติศาสตร์ วิกฤตสุขภาพจิต และทหารผ่านศึกกำลังกลายเป็นคนไร้บ้านในทุกๆ วัน” อีริค การ์เซ็ตตี นายกเทศมนตรีนครลอสแองเจลิสบอกกับผู้สื่อข่าว
“เราได้เริ่มความพยายามจัดการกับปัญหาเหล่านี้ รับเอาการลงทุนจากส่วนกลางเข้ามามากเป็นประวัติการณ์ในการให้บริการสนับสนุนสำหรับครอบครัวทหารผ่านศึก ผลิตรายงานยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาการไร้ที่พักอาศัยอย่างครอบคลุมและขยายโครงการที่พักพิงฤดูหนาว”
“ในปีนี้เรากำลังทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า”
เมื่อเดือนกันยายนการ์เซ็ตตีร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับเลือกตั้งอีกหลายคนนอกสำนักงานของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากเขตสกิดโลว์อันโด่งดังของเมืองนี้ไปหลายช่วงตึก ประกาศแผนการที่จะใช้จ่ายเงิน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อขจัดปัญหาการไร้ที่พักพิงให้หมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์กล่าวว่า แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นที่ยอมรับแต่พวกเขาล้มเหลวในกาจัดการกับปัญหาหลักของการสูญเสียที่อยู่ราคาถูก โดยเฉพาะในหลายพื้นที่ของลอสแองเจลิสที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
