สาวก “ทรัมป์” มองผู้ลี้ภัยชาวอิรัก-ซีเรียเป็นภัยคุกคามหลักต่อสหรัฐฯ

ผู้สนับสนุนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนลงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน มองผู้ลี้ภัยที่มาจากอิรักและซีเรียว่าเป็นหนึ่งในภัยคุมคามที่ใหญ่หลวงที่สุดต่อสหรัฐฯ ทั้งนี้อ้างจากผลศึกษาที่ถูกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (5 พฤษภาคม) โดยศูนย์วิจัยพิว

ร้อยละ 85 ของผู้ถูกสำรวจซึ่งระบุว่าพวกเขาสนับสนุนทรัมป์มองผู้ลี้ภัยที่หลบหนีกลุ่ม ISIL ว่าเป็นภัยคุกคาม เทียบกับร้อยละ 74 ของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันทั้งหมด การศึกษาชิ้นนี้ระบุ

มีเพียงร้อยละ 40 ของผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเท่านั้นที่มองว่าผู้ลี้ภัยจากภูมิภาคนี้เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวง

ทรัมป์กล่าวในการหาเสียงเมื่อเดือนธันวาคมว่า เขากำลัง “เรียกร้องให้มีการห้ามชาวมุสลิมเข้าสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์จนกว่าผู้แทนของประเทศของเราจะสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น”

ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหลังจากเหตุโจมตีในกรุงปารีสที่กลุ่มไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบและเหตุกราดยิงในเมืองซานเบอร์นาดิโอของแคลิฟอร์เนียโดยคู่สามีภรรยาชาวมุสลิมที่เอฟบีไอระบุว่าถูกปลุกปั่น

คำสัญญาของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่จะรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสโต้กลับจากผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันที่กังวลว่ากลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงอาจเข้ามายังสหรัฐฯ ในฐานะผู้ลี้ภัย ผู้ว่าการรัฐกว่า 30 รายพยายามที่จะขัดขวางไม่ให้ผู้ลี้ภัยเข้าสู่รัฐของพวกเขา

ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติระบุว่า มีชาวซีเรียลงทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยแล้วเกือบ 5 ล้านคน ผลลัพธ์จากสงครามซึ่งคร่าชีวิตคนไปมากกว่า 250,000 ราย

รายงานของพิวฉบับนี้ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้ใหญ่ชาวอเมริกันราว 2,000 คนตั้งแต่วันที่ 12-19 เมษายน พบว่าร้อยละ 65 ของผู้สนับสนุนทรัมป์ยังมองการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในเศรษฐกิจโลกไปในทางลบด้วย

นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างกันในหมู่ชาวอเมริกันเมื่อถูกถามถึงการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวทางทหารในต่างประเทศ

แม้ว่าร้อยละ 35 ของผู้ถูกสำรวจทั้งหมดจะกล่าวว่าพวกเขาสนับสนุนการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ ระดับสูงสุดของการสนับสนุนนับตั้งแต่เหตุโจมตีวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 แต่เกือบร้อยละ 60 กล่าวว่าประเทศอื่นๆ ควรจัดการกับปัญหาของพวกเขาเอง

ผู้ถูกสำรวจทั้งหมดต่างมองกลุ่ม ISIL ว่าเป็นความกังวลด้านนโยบายต่างประเทศอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ และการไม่มีเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก รายงานระบุ

ความคิดเห็น

comments