องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ออกโรงเรียกร้องในวันเสาร์ (7 พฤษภาคม) ให้บรรดาประเทศเพื่อนบ้านของซีเรียเปิดพรมแดนรับผู้อพยพหนีภัยการสู้รบจากซีเรียเข้าประเทศ
เจอโรม โอเบอร์ไรต์ ผู้นำองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน ระบุว่า การที่ชาติเพื่อนบ้านรายรอบซีเรียพากันปิดพรมแดนด้านที่ติดต่อกับซีเรีย ซึ่งการกระทำดังกล่าวของชาติเพื่อนบ้านเท่ากับเป็นการปฏิเสธผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการสากลว่าด้วยมนุษยธรรม
“เราจำเป็นต้องสร้างหลักประกันว่า แนวพรมแดนระหว่างซีเรีย กับประเทศเพื่อนบ้านจะต้องเปิดอยู่เสมอ เพราะการเปิดพรมแดนก็คือ การเปิดโอกาสให้ชาวซีเรียได้มีชีวิตรอด มนุษย์เรามีสิทธิอันชอบธรรมที่จะอพยพหนีความขัดแย้ง” โอเบอร์ไรต์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้นำองค์กรแพทย์ไร้พรมแดนไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดที่ว่า ให้มีการจัดตั้ง “เขตปลอดภัย” ขึ้นภายในดินแดนของซีเรียเองสำหรับใช้รองรับผู้อพยพหนีภัยการสู้รบ โดยระบุ การกระทำเช่นนั้นอาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่มากกว่าเดิม
ท่าทีล่าสุดของผู้นำกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนมีขึ้นภายหลังจากที่พลเรือนซีเรีย จำนวน 28 ราย ในค่ายผู้อพยพที่จังหวัดอิดลิบ ของซีเรีย ต้องเสียชีวิตจากการโจมตีเนื่องจากไม่สามารถเดินทางข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างตุรกีได้ เพราะรัฐบาลตุรกีสั่งปิดพรมแดนของตนที่ติดต่อกับซีเรียด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อาจแบกรับภาระในการดูแลผู้ลี้ภัยจากซีเรียได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ซีเรียมีพรมแดนติดกับประเทศตุรกี, เลบานอน, ที่ราบสูงโกลันที่อยู่ในการยึดครองของอิสราเอล, จอร์แดน, อิรัก และอิหร่าน โดยมีผู้ลี้ภัยซีเรียอยู่ในค่ายชั่วคราวหลายลานคนส่วนมากอยู่ในตุรกี และกระจายอยู่ใน จอร์แดน, เลบานอน และอิรัก โดยสองประเทศที่ไม่เปิดรับผู้ลี้ภัยซีเรียคือ ดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล และอิหร่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นประเทศที่ส่งกำลังทหารเข้าแทรกแทรงสนับสนุนปฎิบัติการของรัฐบาลชีอะห์ซีเรียทั้งสิ้น และไม่เคยถูกนานาชาติกดดันให้เปิดรับผู้ลี้ภัยแต่อย่างใด
