ผลสำรวจล่าสุดพบข้อมูลที่ระบุ ราวครึ่งหนึ่งของประชากรในยุโรปต้องการให้มีการจัดลงประชามติในประเทศของตัวเองเพื่อให้ประชาชนได้เลือกว่า ประเทศของตน สมควรอยู่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไปหรือไม่
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัย “อิปโซส-โมริ” ล่าสุดพบข้อมูลว่า 45 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 6,000 คน ที่เป็นพลเมืองของเบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี อิตาลี โปแลนด์ สเปน และสวีเดน ระบุว่าพวกตนต้องการให้มีการจัด
ลงประชามติเพื่อชี้ชะตาว่า ประเทศของตนสมควร “อยู่หรือไป” ในอียู
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า 48 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นชาวอิตาลี จะลงมติสนับสนุนให้ประเทศของตนก้าวออกจากการเป็นสมาชิกอียู หากพวกตนได้รับโอกาสให้ร่วมการลงประชามติจริง ขณะที่ในฝรั่งเศส และสวีเดนนั้น พบว่าสัดส่วนของพลเมือง ที่จะลงมติโหวตให้ประเทศออกจากอียู มีจำนวนสูงกว่า 41 เปอร์เซ็นต์ และ 39 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ส่วนในโปแลนด์มีจำนวนผู้ที่จะหนุนการแยกตัวออกจากอียูในระดับต่ำเตี้ยที่สุด คือ 22 เปอร์เซ็นต์ หรือเกิน 1 ใน 5 เพียงเล็กน้อย
ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากการสำรวจความคิดเห็นในครั้งนี้ คือ การที่ 48 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่าง มีความเห็นว่า จะมีประเทศอื่นๆ ก้าวออกจากอียูอีกอย่างแน่นอน หลังจากที่ สหราชอาณาจักรหันหลังให้กับองค์กรเหนือรัฐแห่งนี้ และราว 51 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า การก้าวออกจากอียูของสหราชอาณาจักร จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจของอียู มากกว่าที่จะส่งผลกระทบใดๆ ต่อเศรษฐกิจของเมืองผู้ดี
ทั้งนี้ ราว 1 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการสำรวจความคิดเห็นในครั้งนี้ เชื่อว่า อียูจะล่มสลายไปเองจากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าภายในปี ค.ศ. 2020