โมซัมบิก ซึ่งเป็นอดีตดินแดนอาณานิคมของโปรตุเกสทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ตกเป็นข่าวกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบในวันจันทร์ (23 พฤษภาคม) หลังจากที่รัฐบาลของประเทศนี้ประสบความล้มเหลวในการชดใช้เงินประกันความเสียหาย ที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้จำนวน 535 ล้านดอลลาร์ของบรรษัทแห่งหนึ่งที่มีรัฐบาลเป็นผู้ควบคุมกิจการ ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยจากแหล่งข่าวภายในกระทรวงการคลังของโมซัมบิก
รายงานข่าวระบุว่า บรรษัทดังกล่าว คือ โมซัมบิก แอสเซ็ต แมเนจเมนท์ (เอ็มเอเอ็ม) ไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมแก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ ซึ่งรวมถึง ธนาคาร “VTB Bank” ของรัสเซียได้ทันตามกำหนดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่รัฐบาลของโมซัมบิก ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและผู้ค้ำประกันให้แก่บรรษัทดังกล่าว ก็ประสบความล้มเหลวเช่นกัน ในการเจรจาขอผ่อนผันการชำระเงินกับเจ้าหนี้ต่างประเทศที่นำโดยรัสเซียและจีน
ด้านแหล่งข่าวภายในกระทรวงการคลังของโมซัมบิกเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลของตน อาจจำเป็นต้องยอมยกสิทธิและผลประโยชน์ทั้งปวงในกิจการสาธารณูปโภคของประเทศ เช่น ท่าเรือ สนามบิน รวมถึง ทางด่วน ให้กับเจ้าหนี้ต่างชาติ แทนการหาเงินมาชำระคืนหนี้สินที่กู้ยืมไว้
ที่ผ่านมา รัฐบาลของโมซัมบิกได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในรัฐบาลที่มีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ในปัจจุบัน รัฐบาลของโมซัมบิกมีสัดส่วนหนี้สินต่างประเทศพุ่งสูงถึง 9,860 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีของประเทศ
ความเคลื่อนไหวเรื่องการผิดนัดชำระหนี้สินต่างประเทศดังกล่าว ของรัฐบาลโมซัมบิกมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ภายหลังจากที่บริษัทจัดอันดับชื่อดังอย่าง “ฟิตช์” ประกาศปรับลดความน่าเชื่อถือด้านเครดิตเรตติ้งของโมซัมบิกลงสู่ระดับ ‘CC’ จากระดับ ‘CCC’ พร้อมออกคำเตือนถึงความเสี่ยงที่ประเทศนี้จะประสบกับภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจ