เดินหน้าธนาคารอิสลาม เสริมระบบชารีอะห์ เน้นบริการพี่น้องมุสลิม

ประธานธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย นำทีมผู้บริหารธนาคารแถลงความก้าวหน้าแผนฟื้นฟู ปรับระบบใหม่เสริมความคล่อยตัวให้บริการตามหลักอิสลาม มุ่งพันธกิจหลักดูแลพี่น้องมุสลิม

เมื่อวันพุธที่(1 มิถุนายน) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานใหญ่ธนาคารอิสลาม นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าว “ความก้าวหน้าแผนฟื้นฟูธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย” หลังจากที่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 Super Board ได้ให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูให้ธนาคารอิสลามหาพันธมิตรเพิ่มทุนให้ธนาคารมีเงินกองทุนไม่ต่ำกว่า 8.5% โดยมีผู้สนใจหลายรายแต่เงื่อนไขของเราคือไม่มีการต่อรอง ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์มีผู้ยื่นข้อเสนอราคาภายใต้เงื่อนไขเพื่อต่อรอง จึงมีมติให้ยุติการหาพันธมิตรร่วมทุนในรอบแรก และปรับปรุงเงื่อนไขให้เป็นที่น่าสนใจก่อน

โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2559 ได้นำเสนอความคืบหน้าต่อที่ประชุม Super Board โดยมีมติให้ธนาคารเดินหน้าหาพันธมิตรต่อไป และจัดทำแผนรองรับการดำเนินการในอนาคตเพื่อให้ธนาคารคงอยู่และเดินหน้าต่อไปไม่ว่าจะมีพันธมิตรร่วมทุนหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเร่งจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC เพื่อรับโอนหนี้เสียของในส่วนของลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิมไปบริหารจัดการ

ประธานกรรมการธนาคารอิสลามบอกถึงปัญหาที่ผ่านมาจากผลพูกพันธ์กับโปรแกรมที่ธนาคารใช้ ทำให้ธนาคารเกิดความไม่คล่องตัวในการดำเนินการตามหลักชารีอะห์ แต่ตอนนี้ได้แก้ปัญหาดังกล่าวแล้วทำให้ขณะนี้ธนาคารพร้อมที่จะเดินหน้าบริการพี่น้องมุสลิม และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความชัดเจนมากขึ้นปลายปีนี้ นอกจากนั้นยังได้ปรับลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของสาขาที่ไม่จำเป็น และปรับความเหมาะสมของสาขาเพื่อมุ่งเน้นความสะดวกในการบริการ และให้ผลตอบแทนสูงสุดกับลูกค้า ทำให้ในปีที่ผ่านมา ธนาคารอิสลามเป็นธนาคารที่ให้ผลตอบแทนทางการเงินสูงสุด

การที่ธนาคารมุ่งเน้นการดำเนินการตามพันธกิจหลักอย่างแท้จริงทำให้ผลประกอบการธนาคารดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยสัดส่วนจำนวนลูกค้าเงินฝากมุสลิมเพิ่มขึ้นเป็น 60% สัดส่วนเงินฝากกระแสรายวัน และออมทรัพย์เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี เป็นผลมาจากความพยายามของพนักงานทุกคนในการลงพื้นที่พบปะพี่น้องมุสลิม ทำให้สามารถควบคุมสินเชื่อด้อยคุณภาพให้อยู่ในระดับทรงตัว โดยปัจจุบันธนาคารมีเงินฝากอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท และยังมีสัดส่วนหนี้เสียที่ต้องบริหารจัดการคงตัวอยู่ที่ 40%

ทั้งนี้ในการแถลงข่าวนายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ยังได้กล่าวถึงคำแนะนำ(นะซีฮัด) ของดร.อณัส อมาตยกุล ประธานที่ปรึกษาชารีอะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยที่กล่าวกับผู้บริหารว่า “วิกฤติที่เผชิญอยู่คือบททดสอบจากพระผู้เป็นเจ้า เรามีหน้าที่รับมือ และก้าวเดินไปอย่างผู้ศรัทธา”

ความคิดเห็น

comments