แฉ “มหาวิทยาลัยทรัมป์” ต้มตุ๋นผู้บริโภคด้วยแผนการตลาดเชิงรุกที่เข้มข้นเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกง อ.สอนผิดจรรยาบรรณ ทรัมป์ก็รู้อ.บางคนขาดคุณสมบัติ
การเปิดเผยที่เป็นหลักฐานชัดเจนที่สุดมาจากอดีตเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยทรัมป์ที่เปิดตัวในปี 2004 และเลิกกิจการในปี 2010 และนำมาซึ่งการฟ้องร้องหมู่ที่อาจลากโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นศาล
โรนัลด์ ชแนกเคนเบิร์ก อดีตผู้จัดการฝ่ายขายของมหาวิทยาลัยทรัมป์ ระบุในคำแถลงที่ยื่นต่อศาลและมีการนำมาเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (31 พฤษภาคม) ว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้อวดอ้างว่า ต้องการช่วยให้ผู้บริโภคทำเงินจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เอาเข้าจริงกลับสนใจเพียงแค่การขายหลักสูตรสัมมนาที่แพงที่สุดให้ลูกค้าทุกคนเท่าที่ทำได้ โดยมหาวิทยาลัยทรัมป์นำเสนอหลักสูตรมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการภายใต้แบรนด์ทรัมป์อันโด่งดัง
ชแนกเคนเบิร์กเล่าว่า เขาลาออกเมื่อปี 2007 หลังจากเชื่อว่า มหาวิทยาลัยทรัมป์เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง การฉ้อโกง และการทุจริต ซึ่งสอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้ฟ้องร้องอีกมากมายที่เคยเป็น “นักศึกษา” และบอกว่า ตัวเองถูกปอกลอก
เจสัน นิโคลัส อดีตพนักงานอีกคน ยอมรับว่า การสัมมนาสอนโดยคนที่อวดอ้างว่า เป็นมือขวาทรัมป์ แต่จริงๆ แล้วไม่เคยมีหรือมีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น้อยมาก มิหนำซ้ำวิธีการสอนยังผิดหลักจรรยาบรรณ ตัวทรัมป์เองยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ผู้สอนบางคนขาดคุณสมบัติ
นอกจากนั้น ศาลยังเปิดเผยคู่มือภายในของมหาวิทยาลัยทรัมป์ที่เรียกว่า “ตำรา” ซึ่งแจกแจงเทคนิคการขายเพื่อหลอกล่อนักศึกษามุ่งหวังให้ซื้อหลักสูตรหรือโปรแกรมที่แพงที่สุดคือ 35,000 ดอลลาร์ ที่อวดอ้างว่า เปิดเผยเคล็ดลับการสร้างความร่ำรวยของทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้
ตำราดังกล่าวลงรายละเอียดถึงขั้นระบุระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมและวิธีจัดเก้าอี้ภายในห้องที่ใช้หว่านล้อมลูกค้า
เอกสารอีกหลายชุดของศาลยังแสดงให้เห็นว่า ทรัมป์และสมาชิกอาวุโสของทรัมป์ ออร์กาไนเซชั่น รับผิดชอบในการตรวจสอบและเซ็นเช็คทุกฉบับ และทรัมป์เคยถอนเงินจากธุรกิจนี้อย่างน้อย 2 ล้านดอลลาร์