ชาวอังกฤษเตรียมที่จะเดินขบวนผ่านกรุงลอนดอนในวันเสาร์ (2) เพื่อประท้วงการโหวตแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ ซึ่งผลักรัฐบาลเข้าสู่ความอลหม่านทางการเมืองและสร้างความแตกแยกร้าวลึกขึ้นในประเทศนี้
ผู้ประท้วงมีแผนที่จะรวมตัวกันที่ถนนปาร์คเลนในเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่อาคารรัฐสภา ในการแสดงความไม่พอใจครั้งที่ 2 ของสาธารณะชนในสัปดาห์นี้จากผลการลงประชามติดังกล่าว
“เราสามารถป้องกันการเบร็กซิทได้ด้วยการไม่ยอมรับว่าการลงประชามติดังกล่าวเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายและเอานิ้วของเราออกจากปุ่มทำลายตัวเอง” ไคแรน แมคเอร์มอตต์ ผู้จัดงานกล่าวในเจเพสบุ๊คของการเดินขบวนนี้
“อย่าปล่อยให้ลูกหลานไร้ซึ่งอนาคต ออกมาเดินขบวนกัน ออกมาประท้วงกัน และร่วมหยุดเบร็กซิทด้วยกัน”
ในขณะที่เหล่าตัวเต็งที่จะมาแทนที่นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ในพรรคอนุรักษนิยมกำลังพยายามยื้อเวลาในการเริ่มกระบวนการดังกล่าวที่จะทำให้อังกฤษอยู่นอกกลุ่มสมาชิก 28 ชาตินี้
ไมเคิล โกฟ หนึ่งในตัวเต็งกล่าวว่าเมื่อวันศุกร์ (1) ว่า เขาไม่คิดว่ามาตรา 50 ซึ่งเป็นกระบวนการสำหรับออกจากอียูอย่างเป็นทางการจะถูกใช้ในปีนี้ สอดคล้องกับความคิดเห็นจากคู่แข่งของเขา เทเรซา เมย์
แต่ทางผู้นำชาติอียูกลับเรียกร้องการแยกตัวออกโดเร็ว ด้วยกลัวว่าอนาคตที่ไม่แน่นอนของอังกฤษอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลกระทบแบบโดมิโนในชาติสมาชิกอียูรายอื่นๆ
“ได้มีการตัดสินใจไปแล้ว มันไม่อาจชักช้าได้และไม่อาจยกเลิกได้” ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลลองด์ กล่าวเมื่อวานนี้ (1) นอกรอบงานรึลึกครบรอบ 100 ปีสมรภูมิซอมเมอ
การออกจากอียูอย่างรวดเร็วจะป้องกันไม่ให้เกิดความไม่แน่นอนและความไร้เสถียรภาพทั้งหมดโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและการเงิน” เขากล่าว “ยิ่งมันเกิดขึ้นเร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีกับทั้งสองด้าน”
ผลโหวตอันน่าตกตะลึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผลักตลาดการเงินเข้าสู่วิกฤต ทำให้เม็ดเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์หายไปจากตลาดหุ้นทั่วโลก และทำให้ค่าเงินปอนด์ตกสู่ระดับต่ำที่สุดต่อดอลลาร์ในรอบกว่า 30 ปี
เมื่อวันพฤหัสบดี (30) ประธานธนาคารอังกฤษ มาร์ค คาร์นีย์ เปรยว่า เขาอาจใช้แผนกระตุ้นทางการเงินในช่วงฤดูร้อนนี้ และระบุว่า วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจย่ำแย่ลงนับตั้งแต่ที่อังกฤษโหวตออกจากอียู
ในอีกสัญญาณของผลร้ายที่ตามมา รัฐบาลเตือนว่า พวกเขาอาจจะต้องถอนคำพูดที่ว่าจะจัดทำงบประมาณเกินดุลภายในปี 2020 ในขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำ EasyJet ประกาศแผนฉุกเฉินเพื่อปกป้องการดำเนินกิจการในยุโรป