รัสเซียประกาศในวันพฤหัสบดี (28 กรกฎาคม) พวกเขาได้เริ่ม “ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมขนานใหญ่” ร่วมกันกับระบอบการปกครองชีอะห์บาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรียรอบเมืองอะเลปโปเพื่อเปิดทางผ่านเพื่อมนุษยธรรมให้แก่พลเรือนและนักรบที่ต้องการหลบออกจากวงล้อมฆ่าของพวกเขา
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เซอร์เกย์ ชอยกู อ้างกับสำนักข่าวรัสเซียว่า ทางผ่านเพื่อมนุษยธรรมนี้กำลังถูกเปิด “เพื่อช่วยเหลือพลเรือนที่ถูกผู้ก่อการร้ายจับเป็นตัวประกันและสำหรับนักรบที่ตั้งใจจะวางอาวุธของพวกเขา” และอีกเส้นทางหนึ่งสู่ตอนเหนือของเมืองนี้เพื่อให้กลุ่มกบฏหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธของพวกเขา
พื้นที่ที่เคยปกครองอย่างสงบโดยฝ่ายต่อต้านซีเรีย กลายเป็นสมรภูมิเดือดลุกเป็นไฟ หลังกองกำลังชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศรัสเซีย และการใช้ระเบิดทำลายล้างชีวิตมุษย์อย่างบาเรล์บอมของกองกำลังทางอากาศของระบอบอัสซาด ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายที่เป็นชุมชน โรงเรียน และล่าสุดโรงพยาบาล 4 แห่ง และธนาคารเลือดอีก 1 แห่ง ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
“เราเรียกร้องหลายครั้งให้ฝ่ายกบฏหันหน้าสู่สันติภาพแต่ฝ่ายกบฏก็ละเมิดการสงบศึกในทุกๆ ครั้งด้วยการยิงใส่พื้นที่พลเรือนและโจมตีทหารรัฐบาล ด้วยเหตุนี้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ยากลำบากจึงก่อตัวขึ้นในและนอกเมืองอเลปโป” รมต.กลาโหมรัสเซียอ้าง
ดังนั้น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จึงสั่งให้กองกำลังรัสเซียที่สนับสนุนทหารที่ภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียเริ่มต้น “ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมขนานใหญ่” ร่วมกับรัฐบาลซีเรีย
จุดให้บริการทางการแพทย์และจุดแจกอาหารจะตั้งอยู่ตามเส้นทางทั้ง 3 นี้ซึ่งมีไว้สำหรับพลเรือนและนักรบที่วางอาวุธแล้ว ชอยกูกล่าว
ด้านนายบาชาร์ อัล-อัสซาด แกนนำกลุ่มชีอะห์แห่งซีเรียที่รัสเซียหนุนหลังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ อ้างว่ายินดีนิรโทษกรรมให้กับนักรบของฝ่ายต่อต้านที่ยอมแพ้
