ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นระบุว่าชาย 2 คนรวมทั้งอิหม่ามถูกยิงโดยชายที่ตะโกน “ปิืนยิ่งใหญ่” ขณะกำลังเดินกลับบ้านหลังจากเสร็จสิ้นการปฎิบัติศาสนกิจที่มัสยิดอัล-ฟารุก ในเมือง Queens นิวยอร์ก เป็นเหตุให้คนหนึ่งเสียชีวิต อีกคนได้รับบาดเจ็บ
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่าเหตุดักยิงชาวมุสลิมเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันเสาร์(13 สิงหาคม) ใกล้กับมัสยิด Al-Furqan Jame ในเมือง Queens ของนครนิวยอร์ก
ชายทั้ง 2 ถูกยิงที่ด้านหลังของศีรษะในระยะเผาคนขณะเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จสิ้นการละหมาดที่มัสยิด ถูกดักยิงโดยชายคนที่ออกมาตะโกนว่า “ปืนยิ่งใหญ่”
ทั้งสองคือ อิหม่าม เมาลามา อาคอนจี (Imam Maulama Akonjee) วัย 55 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นชายคนที่ 2 คือ ทาราม อุดดิน (Tharam Uddin) วัย 64 ปี โดยพบว่าคนทั้งสองสวมชุดตามธรรมเนียมมุสลิมในขณะเกิดเหตุ ซึ่งหลังเกิดเหตุตำรวจได้นำส่งตัวอาคอนจี และ อุดดิน ไปยังโรงพยาบาลจาเมกาเมดิคอลเซนเตอร์ ซึ่งเป็นที่คนทั้งสองเสียชีวิตในเวลาต่อมา
Tiffany Phillips โฆษกหญิงกรมตำรวจนิวยอร์ก ยืนยันว่าชายสองคนถูกยิงบนถนน Ozone Park ในช่วง Queens
ชายคนหนึ่งเสียชีวิต ขณะที่อีกคนบาดเจ็บสาหัส แต่โฆษกตำรวจปฎิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม
โฆษกอีกรายของกรมตำรวจนิวยอร์กเปิดเผยว่าชายทั้ง 2 ถูกยิงที่ศีรษะ
สถานีตำรวจ PIX 11 ของนิวยอร์กรายงานว่า หนึ่งในผู้ถูกยิงคือ Maulama Akonjee เป็นอิหม่ามวัย 55 ปี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าอีกคนที่ถูกยิงเป็นใคร แต่ตำรวจให้น้ำหนักไปที่การปล้นทรัพย์
ตำรวจนิวยอร์กแถลงเพิ่มเติมต่อว่า ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า มือยิงหลบหนีจากที่เกิดเหตุพร้อมปืนที่อยู่ในมือ “ในขณะนี้ทางเราได้ระดมกำลังเพื่อต้องการค้นหาพยานเพิ่มเติมและวิดีโอที่อาจมีการบันทึกภาพไว้ได้” ผู้ช่วยสารวัตร เฮนรี ซอทเนอร์ (Henry Sautner) แถลง
ส่วนโฆษกของ อีริค ฟิลลิปส์ (Eric Phillips) นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ซิตี บิล เด แบลซิโอ ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ ทางแบลซิโอได้ติดตามการสอบสวนของตำรวจนิวยอร์กอย่างใกล้ชิดในคดีนี้ “ในขณะที่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปไปถึงสาเหตุที่ทำให้คดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้น แต่เป็นที่แน่นอนว่าทางตำรวจนิวยอร์กจะต้องหาคนที่ทำผิดเพื่อมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม”
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ New York Daily รายงานว่า มีประชาชนหลายสิบคนรวมตัวกันในที่เกิดเหตุชี้ว่าเป็น “อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง” และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อยเป็นผู้ที่มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน
ด้านกลุ่มสภาอิสลามอเมริกัน (The Council on American-Islamic Relation) หรือ CAIR ได้ให้ข้อมูลว่า อุดดินเป็นผู้ช่วยของอิหม่ามผู้ตาย
โดย อฟาฟ นาสเชอร์ (Afaf Nasher) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของสาขานิวยอร์กของ CAIR ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ว่า “คนทั้งคู่เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี” และกล่าวต่อว่า “ทั้งคู่ยังถือว่าเป็นผู้นำชุมชน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างที่สุด และมีเสียงเรียกร้องอย่างท่วมท้นถึงความเป็นธรรมที่ต้องการได้รับ”
และนาสเชอร์ยังชี้ต่อว่า “ยังมีเสียงเรียกร้องส่งไปยังตำรวจนิวยอร์กให้ทำการสอบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่างในการใช้ทุกสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ NYPD มีต่อคดีที่ได้เกิดขึ้นในวันนี้”
รอยเตอร์รายงานว่า ทาง CAIR ได้จัดแถลงข่าวขึ้นในช่วงเย็นวันเสาร์ (13 สิงหาคม) บริเวณด้านหน้ามัสยิดอัล เฟอร์คาน เจม (Al-Furqan Jame) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ทั้งอิหม่ามและอุดดินเดินทางไปเพื่อประกอบกิจกรรมทางศาสนา