ขบวนรถบรรเทาทุกข์ที่จะไปยังเมือง 4 แห่งของซีเรียจะถูกระงับเป็นการชั่วคราวหลังจากขบวนรถบรรทุกบรรเทาทุกข์ ถูกโจมตีทางอากาศที่เบื้องต้นคาดว่าเป็นปฎิบัติการของเครื่องบินรบรัสเซีย ในเมืองอเลปโป
เจ้าหน้าที่อาวุโสจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross : ICRC) ระบุในวันอังคาร (20 กันยายน) ว่าเครื่องบินของซีเรียหรือรัสเซียโจมตีเป้าหมายที่ขบวนรถบรรเทาทุกข์ใกล้อเลปโป คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ 12 คนเมื่อวันจันทร์ (19) ในขณะที่กองทัพซีเรียประกาศว่าการหยุดยิงนานหนึ่งสัปดาห์สิ้นสุดลงแล้ว
“เรื่องนี้น่าเป็นห่วงอย่างมาก เราเห็นการเริ่มต้นความรุนแรงใหม่อีกครั้ง การยกระดับการสู้รบในหลายพื้นที่” โรเบิร์ต มาร์ดินี ผู้อำนวยการด้านตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของ ICRC บอกกับรอยเตอร์ในนครเจนีวา
“เรามีแผนบางอย่างในเมือง 4 แห่งนี้ แต่สำหรับตอนนี้มันถูกระงับชั่วคราวเพื่อประเมินภาวะด้านความปลอดภัย” เขากล่าว โดยอ้างถึงเมืองโฟอาและเคฟรายาของฝ่ายต่อต้านซีเรียในอิดลิบรวมทั้งเมืองมาฎอยาและซาดาบานีที่ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาดใกล้ชายแดนเลบานอน
รถบรรทุกอย่างน้อย 18 คันจากทั้งหมด 31 คันในขบวนรถของยูเอ็นและสภาเสี้ยววงเดือนแดงแห่งซีเรีย (Syrian Arab Red Crescent : SARC) ถูกโจมตีเมื่อวันจันทร์ (19) รวมถึงคลังเก็บของของ SARC ด้วย สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของยูเอ็นกล่าวในนิวยอร์ก ขบวนรถดังกล่าวกำลังส่งความช่วยเหลือให้แก่ประชาชน 78,000 คนในเมืองที่ยากต่อการเข้าถึงอย่างเอิร์มอัล-คูบราในเขตปกครองอเลปโป เขากล่าว
อุมัร์ บะรอกัต ผู้อำนวยการของ SARC ประจำอเลปโปอยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิต มาร์ดินีกล่าว “ทั้งทีมต่างตกตะลึง”
“อุมัร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากและทีมกู้ภัยไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาอยู่นาน 2 ชั่วโมง เมื่อเขาถูกนำตัวออกมาเขาไม่อาจทนพิษบาดแผลของเขาได้” เขากล่าว
ขบวนรถอีกขบวนหนึ่งของ SARC/ICRC สู่เมืองทัลบิเซห์ในจังหวัดฮอมทำการขนส่งความช่วยเหลือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเมื่อวันจันทร์ (19) โดยบรรทุกเสบียงสำหรับคนกว่า 80,000 คน
ทีมของขบวนรถคันนี้อยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืนเนื่องการการสู้รบรุนแรงขึ้น มาร์ดินีกล่าว
“ตามประสงค์ของพระเจ้า พวกเขาจะเดินทางต่อไปยังในช่วงเช้าวันนี้” เขากล่าวเสริม
“มันเป็นการยากที่อ่านสถานการณ์ในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเพราะว่าคุณกำลังเจอกับทั้งการสู้รบทีรุนแรงยิ่งขึ้นและการเมืองในความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มันสายเกินไปที่จะแยกงานด้านมนุษยธรรมออกจากการเมือง” มาร์ดินีกล่าว