UNESCO ลงมติยันยิวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัสยิดอัล-อักซอ

UNESCO ลงมติท่ามกลางแรงกดดันจากอิสราเอลที่พยายามล็อบบี้ให้มีการล้มมติดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่(13 ตุลาคม)ผ่านมา โดยได้ปฎิเสธการเชื่อมโยงใดๆ ของชาวยิวกับมัสยิดอัล-อักซอ และ Al-Buraq (กำแพงทางตะวันตก) ในเยรูซาเล็ม

การลงมติดังกล่าวมี 24 ประเทศให้การเห็นชอบ 6 ประเทศคัดค้านมติ ขณะที่อีก 26 ประเทศงดออกเสียง

ร่างมติดังกล่าวถูกนำเสนอโดย Egypt, Algeria, Morocco, Lebanon, Oman, Qatar, Sudan และ Palestinians

โดยเมืองดังกล่าวเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนา คืออิสลาม, คริสต์, และยิว แต่สำหรับมัสยิดอัล-อักซอ และสนามโดยรอบเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอิสลามเท่านั้น

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานักการทูตอิสราเอลได้พยายามล็อบบี้ให้ชาติสมาชิกของ UNESCO ได้ลงมติคัดค้านร่างมติดังกล่าว หรืออย่างน้อยให้ลงมติงดออกเสีย

โดยทูตอิสราเอลพยายามอ้างอิงถึงคำภีร์ของยิวเพื่อคัดค้านร่างมติดังกล่าวของ UNESCO โดยได้ดัดแปลงแก้ไขคัมภีร์ โดยเปลียนคำว่า “temple” ในคัมภีร์ของตน แล้วใช้คำว่า “Al-Aqsa Mosque/Al-Haram Al-Sharif” เข้าไปแทนที่

ทั้งนี้
ประเทศที่ให้การสนับสนุนมติดังกล่าวประกอบด้วย
Algeria, Bangladesh, Brazil, Chad, China, Dominican Republic, Egypt, Iran, Lebanon, Malaysia, Mauritania, Mexico, Morocco, Mozambique, Nicaragua, Nigeria, Oman, Pakistan, Qatar, Russia, Senegal, South Africa, Sudan และ Vietnam

ประเทศที่ลงมติคัดค้านมติดังกล่าวประกอบด้วย
Israel, Estonia, Germany, Lithuania, the Netherlands, the UK และ the US

ประเทศที่งดออกเสียงประกอบด้วย
Albania, Argentina, Cameroon, Cote de’Ivoire, El Salvador, Spain, France, Ghana, Greece, Guinea, Haiti, India, Italy, Japan, Kenya, Nepal, Uganda, Paraguay, South Korea, St. Kits and Nevis, Slovenia, Sri Lanka, Sweden, Togo, Trinidad และ Ukraine

ประเทศที่ขาดประชุมประกอบด้วย
Serbia และ Turkmenistan

ความคิดเห็น

comments