รัสเซียและกองกำลังติดอาวุธชีอะห์ระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด จะพักโจมตีเมืองอเลปโปของซีเรียเป็นเวลาเพียง 8 ชั่วโมงในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้(20 ตุลาคม) เพื่อเปิดทางพลเรือน และนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรียหนีเอาชีวิตรอดจากการโจมตีออกไปจากเมือง ตามการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซียในวันจันทร์(17)
อย่างไรก็ตามรัสเซียปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่กำหนดระยะเวลาเพื่อเปิดทางให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามมาตรการตามที่เหล่ารัฐบาลกลุ่มประเทศอาหรับและตะวันตกเรียกร้อง โดยอ้างว่ามันจะเป็นการเปิดทางให้พวกนักรบที่รัสเซียอ้างว่ามีอยู่ 900 ที่อยู่ร่วมกับประชาชน 250,000 คนได้โอกาสรวมตัวกันใหม่
เครื่องบินรบรัสเซียและกองกำลังติดอาวุธระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ทิ้งระเบิดทุกชนิดรวมทั้งระเบิดต้องห้ามทั้งระเบิดดาวกระจาย, ระเบิดเคมี, ระเบิดสูญญากาศ หรือแม้แต่ระเบิดทำลายหลุมหลบภัย ถล่มเขตต่างๆทางตะวันออกของอเลปโป ที่อยู่อาศัยของชาวซีเรีย 250,000 คนภายใต้การการปกครองของฝ่ายต่อต้านซีเรีย หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวพังลงเมื่อเครื่องบินรบรัสเซียเปิดปฎิบัติการโจมตีขบวนรถบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติในวันที่ 8 กันยายน ทำให้รถ 18 คันจากทั้งหมด 31 คันในขบวนได้รับความเสียหาย และมีเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์กว่า 20 รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานในท้องถิ่นถูกสังหารด้วย
ระหว่างแถลงสรุปในมอสโก พลโทเซอร์เก รุดสคอฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อ้างว่าพวกกบฏในพื้นที่ของอเลปโป กำลังเข่นฆ่าพลเรือน ขณะที่รัฐบาลตะวันตกแสร้งทำมองไม่เห็น “สถานการณ์หยุดยิงฝ่ายเดียวไม่สมเหตุสมผล เนื่องด้วยพวก อัน-นุสเราะและกลุ่มพันธมิตรอื่นๆ จะมีโอกาสหายใจอีกครั้ง รวมกลุ่มใหม่และฟื้นฟูศักยภาพทางทหารของพวกเขา”
เขาอ้างว่ารัสเซียกำลังทำงานร่วมกับมหาอำนาจอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงสันติภาพในอเลปโป แต่มันคงต้องใช้เวลา ดังนั้นในขณะเดียวกันจึงตัดสินใจเริ่มต้นหยุดโจมตีเพื่อมนุษยธรรม “ความตั้งใจลำดับแรกและสำคัญที่สุดของการหยุดโจมตี ก็เพื่อให้พลเรือนสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ เพื่ออพยพคนป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ และเปิดทางให้พวกกบฏถอนกำลัง”
“ในวันที่ 20 ตุลาคม นับตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 16.00 น. การหยุดโจมตีเพื่อมนุษยธรรมจะมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ของอเลปโป สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว กองทัพอากาศรัสเซียและกองกำลังรัฐบาลซีเรียจะระงับการโจมตีทางอากาศและยิงจากอาวุธอื่นๆทั้งหมด”
ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ Staffan de Mistura ทูตพิเศษด้านซีเรียของสหประชาชาติ ออกมาเตือนประชาคมระหว่างประเทศว่าการใช้กำลังภาคพื้นดินในการปิดล้อมดินแดนทางตะวันออกของอเลปโป และการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องของรัสเซียต่อพื้นที่ดังกล่าว กำลังเป็นการทำลายอย่างสิ้นเชิงต่อดินแดนซีเรียแห่งนี้โดยระบุว่า “ชาวซีเรียราว 275,000 คนถูกปิดล้อมอยู่ที่นี่ แม้รัสเซีย และระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด จะอ้างว่าพวกเขามีเป้าหมายที่สมาชิก 900 คนของกลุ่ม Al-Nusra แม้ว่าในพื้นที่ดังกล่าวจะมีนักรบในกลุ่มต่างๆ รวมแล้วราว 8,000 คนก็ตาม” พร้อมระบุอีกว่า “กรุณามองมาที่ดวงตาของผม และดวงตาของชาวโลก และความคิดเห็นของประชาชน คุณ(รัสเซีย-อัสซาด)พร้อมที่จะเดินทางปฎิบัติการยกระดับในการต่อสู้ ซึ่งหมายถึงการใช้อาวุธที่รุนแรงขึ้น และโดยพฤตินัยมันคือการทำลายภาคตะวันออกของอเลปโปพื้นที่ที่เป็นบ้านของคน 275,000 คน เพื่อต้องการกำจัดคนเพียง 1,000 คนจาก Al-Nusra หรือ?”