ประธานาธิบดีตุรกี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน แถลงวันพุธ (19 ตุลาคม) ว่า มีกองกำลังบางชาติพยายามกีดกันตุรกีไม่ให้ร่วมในปฏิบัติการยึดเมืองโมซุลคืนจากกลุ่มดาอิช เพราะทางตุรกีแสดงความต้องการชัดเจนที่จะขัดขวางไม่ให้มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางศาสนาเกิดขึ้นในเมืองโมซุลหลังจากที่ขับดาอิชออกไปสำเร็จแล้ว ก่อนยืนยันอีกครั้งว่า ตุรกีจะเข้าร่วมปฏิบัติการยึดโมซุลคืนอย่างแน่นอน ด้านผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีตุรกี นูมาน เคอร์ตูลมัส (Numan Kurtulmuş) ออกมาแนะ ให้เริ่มร่างโรดแมปนานาชาติหลังสิ้นดาอิชในโมซุล
เอพีรายงานวันพุธ (19) ว่า ในการแถลงของประธานาธิบดีตุรกี ได้กล่าวต่อคณะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในกรุงอังการาว่า “สถานการณ์ในเมืองโมซุลเสี่ยงต่อการเกิดการปะทะและกลายเป็นสงครามทางศาสนาเกิดขึ้น” และกล่าวต่อว่า “ดังนั้นจึงทำให้ทางตุรกีต้องเข้าร่วมในปฏิบัติการยึดเมืองโมซุลคืนเพื่อที่จะยังคงทำให้เสถียรภาพของเมืองยังคงมีอยู่ต่อไป”
โดยการประกาศของออโดกันมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นในอิรัก ถึงการยังคงกำลังทหารของตุรกีในทางตอนเหนือของอิรัก ที่ทางตุรกีได้ทำการฝึกซ้อมชาวอิรักเพื่อให้เข้าร่วมปฏิบัติการยึดเมืองโมซุลคืน โดยทางตุรกีได้เตือนถึงความเสี่ยงในการเกิดสงครามศาสนาที่จะเกิดขึ้นในเมืองโมซุล หากยังคงให้กองกำลังชีอะห์ร่วมอยู่ในปฏิบัติการที่เกิดขึ้นในแผ่นดินของชาวมุสลิม และยังดึงความโกรธมาพร้อมกับการเคลื่อนทัพจากอิรัก
“จุดยืนของตุรกีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระหายสงคราม หรือการละเมิดอธิปไตยของอิรัก หรือจุดประสงค์ซ่อนเร้น” ออโดกันระบุ และยังแถลงต่อว่า “เราต้องการปรากฏอยู่ในที่ซึ่งตุรกีต้องการปกป้องเสรีภาพและอนาคตของพวกเรา ซึ่งสถานที่ว่าในเวลานี้คือ “เมืองโมซุล” ดังนั้น ตุรกีจะไปอยู่ในโมซุล”
นอกจากนี้ ผู้นำตุรกียังออกมายืนยันอีกครั้งว่า สหรัฐฯได้อนุญาตให้กองกำลังรบทางอากาศของตุรกีร่วมอยู่ในกองกำลังพันธมิตรที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำ ซึ่งออโดกันประกาศว่า จะมีการร่วมมือมากขึ้นตามมา เนื่องมาจากการขยายระดับความร่วมมือจากตุรกีเพิ่มมากขึ้น
และนอกจากนี้ ประธานาธิบดีตุรกี ยังเตือนต่อไปยังอิรัก ว่า ระวังจะเสียมิตรภาพจากตุรกีไปในขณะที่ทางตุรกีต้องเปิดประเทศแบกรับผู้อพยพลี้ภัยหนีสงครามจากทางเหนือของอิรักจำนวน 700,000 คน โดย ออโดกัน ระบุว่า “คุณจะไม่มีวันสามารถหาเพื่อนได้เช่นนี้อีก หากคุณได้สูญเสียมิตรภาพนี้ไปแล้ว”
ซึ่งเอพีชี้ว่าผู้นำตุรกีจะกล่าวเป็นนัยว่า มีกองกำลังบางชาติพยายามจะกีดกันที่จะไม่ให้ตุรกีเข้าร่วมรบในการยึดเมืองโมซุลคืน แต่ทว่าออโดกันไม่ได้เปิดเผยชื่อประเทศของกองกำลังที่ไม่เห็นด้วยกับตุรกีออกมา
ทั้งนี้ โมซุลถือเป็นเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับตุรกี โดยในการรายงานของหนังสือพิมพ์ตุรกี ฮูร์ริเย็ต วันพุธ (19) ระบุว่าตุรกีได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาคมโลก เริ่มร่างแผนการสำหรับเมืองโมซุลหลังสิ้นสุดยุตอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มดาอิช เพื่อให้มั่นใจว่าเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิรักจะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลท้องถิ่นที่มาจากชนเผ่าในพื้นที่เป็นหลัก
และยังย้ำต่อว่า ทางอังการาได้เริ่มใช้มาตรการทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่า จะต้องไม่มีสงครามศาสนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในเมืองโมซุลแห่งนี้หลังจากที่ได้กวาดล้างกลุ่มดาอิชออกไปแล้ว
ฮูร์ริเย็ต รายงานต่อว่า ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีตุรกี นูมาน เคอร์ตูลมัส (Numan Kurtulmuş) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “โมซุลควรจะถูกปกครองโดยประชาชนชาวเมืองโมซุลเท่านั้น” และกล่าวต่อว่า “เห็นควรว่าจำเป็นต้องเริ่มร่างแผนโรดแมปนานาชาติสำหรับเมืองโมซุลตั้งแต่เวลานี้ เพราะหากปล่อยให้เมืองนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองจากกลุ่มคนที่มาจากที่อื่น อาจสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ในภายหลัง”
ซึ่งในความเห็นของประธานาธิบดีตุรกี เมืองโมซุลมีความสำคัญต่อความมั่นคงประเทศตุรกี และทำให้ตุรกีได้ช่วยฝึกซ้อมชาวโมซุลจำนวนหนึ่งในค่ายบาชิกา (Bashiqa camp) เพื่อส่งกลับเข้าไปร่วมต่อสู้ในปฏิบัติการยึดเมืองโมซุลคืน โดยทางออโดกันยืนยันในวันอังคาร (18) ว่า การฝึกซ้อมรบให้กับชาวอิรักในค่ายแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิรักจะยังคงมีอยู่ต่อไป พร้อมยังประกาศต่อว่า “การโจมตีใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อค่ายบาชิกา เท่ากับว่าเป็นการโจมตีต่อตุรกี”