อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ โคฟี อันนัน ได้เรียกร้องให้กองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่าปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักนิติธรรมในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ที่การปราบปรามทางทหารได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 86 คน และอีกนับหมื่นคนหลบหนีข้ามแดนเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศ
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลของนางอองซานซูจี และก่อให้เกิดเสียงเรียกร้องให้เจ้าของรางวัลโนเบล ดำเนินการให้ความช่วยเหลือมากยิ่งขึ้นต่อชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา ที่ถูกปฏิเสธสิทธิความเป็นพลเมือง และการเข้าถึงบริการพื้นฐาน
นายอันนัน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการที่มีหน้าที่หาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธ และมุสลิมโรฮิงญา กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในนครย่างกุ้ง หลังพบหารือกับ ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และ พล.อ.มิน ออง หล่าย ว่า การปฏิบัติการด้านความมั่นคงต้องไม่ลิดรอนสิทธิพลเมืองของประชาชน
“ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่จำเป็นต้องดำเนินการด้านความมั่นคง พลเรือนต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองตลอดเวลา และผมขอเรียกร้องให้การดำเนินการรักษาความมั่นคงเป็นไปตามหลักนิติธรรมอย่างเต็มที่” นายอันนัน กล่าว ขณะเดียวกัน คณะกรรมการต่างมีความรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อรายงานที่กล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เจ้าหน้าที่พม่าได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ ของประชาชน และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ว่า ทหารได้ขืนใจหญิงชาวโรฮิงญา เผาบ้าน และสังหารพลเรือน ระหว่างการปราบปรามที่เป็นการตอบโต้การโจมตีด่านชายแดน 3 จุด ตามแนวชายแดนติดบังกลาเทศ
ซูจี ได้แต่งตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยสมาชิก 9 คน ก่อนที่เหตุการณ์ต่อสู้จะปะทุขึ้น เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับรัฐยะำไข่ ที่ชาวพุทธยะไข่ และชาวมุสลิมโรฮิงญาอยู่ด้วยความแตกแยกนับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกันในปี 2555 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน ชาวโรฮิงญานับแสนคนต้องอยู่ในค่ายลี้ภัยมาต่อเนื่องจนถึงขณะนี้