กองกำลังอาวุธชีอะห์ที่สนับสนุนระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ใช้ปฎิบัติการโจมตีอย่างหนักก่อนเข้ายึดเขตสำคัญของเมืองอเลปโปไป เมื่อวันจันทร์ (12 ธันวาคม) ด้านนักรบฝ่ายต่อต้านไม่ยอมแพ้ยืนหยัดสู้แม้ถูกบีบให้อยู่ในที่เล็กๆ
ทั้งกลุ่มผู้สังเกตการณ์และฝ่ายกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ ระบุตรงกันว่า ขณะนี้กองกำลังชีอะห์ของบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้บุกยึดไปได้แล้วกว่า 90% ของพื้นที่ด้านตะวันออกเมืองอเลปโป ซึ่งเป็นดินแดนที่ประชาชนเคยอยู่อย่างสงบสุขมาหลายปีภายใต้การปกครองของฝ่ายต่อต้านซีเรีย
เจ้าหน้าที่ทหารซีเรียผู้หนึ่งในอเลปโป บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า “การปฏิบัติการในย่านที่อยู่อาศัยทางด้านตะวันออก กำลังเข้าสู่ระยะสุดท้าย” ขณะที่มีรายงานการปะทะกันอย่างดุเดือดในอีกไม่กี่เขตของเมือง ซึ่งยังเหลืออยู่ในความควบคุมของฝ่ายต่อต้าน
ทางด้านกลุ่มสังเกตการณ์ชาวซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานตอนช่วงเช้าวันจันทร์ (12) ว่า กองกำลังฝ่ายซีเรียยึดเขต “ชัยค์ ซาอีด” ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ในบริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ของอเลปโปได้แล้ว
ด้านสื่อมวลชนของทางการซีเรียได้ยืนยันเรื่องนี้ โดยที่ทีวีของรัฐได้เผยแพร่ภาพซึ่งระบุว่าเป็นภาพสดๆ จากเขตที่อยู่อาศัยสำคัญแห่งนั้น
กลุ่มสังเกตการณ์ระบุว่า เวลานี้เหลือเพียงเขตมัชฮัด และเขตสุคคารี เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในความควบคุมของฝ่ายต่อต้าน ขณะที่เขตอื่นๆ อยู่ระหว่างการระดมโจมตีอย่างหนักจากกองกำลังติดอาวุธชีอะห์เพื่อชิงพื้นที่จากฝ่ายต่อต้านซีเรีย
“พื้นที่ต่างๆ ซึ่งยังคงอยู่ในความควบคุมของฝ่ายค้านนั้น มีขนาดเล็กมาก และอาจแตกเมื่อไรก็ได้” รามี อับดุล เราะห์มาน ผู้อำนวยการของกลุ่มสังเกตการณ์ กล่าว
ตลอดคืนวันอาทิตย์ (11) และล่วงเลยจนถึงเช้าวันจันทร์ (12) เครื่องบินรบและปืนใหญ่ของฝ่ายรัฐบาลได้ระดมถล่มใส่พื้นที่ขนาดเล็กในตะวันออกของอเลปโป ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านซีเรีย
กลุ่มสังเกตการณ์กล่าวในวันจันทร์ (12) ว่า มีประชาชนอีกราว 10,000 คน หลบหนีการโจมตีออกจากพื้นที่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนของผู้ที่หลบหนีเพิ่มขึ้นเป็น 130,000 คน โดยที่ส่วนใหญ่ไม่มีทางเลือกต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่ยึดครองของกองกำลังระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ก็อ้างในวันจันทร์ (12) ว่า มีฝ่ายต่อต้านซีเรียจำนวน 728 รายยอมวางอาวุธในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมกับย้ายไปอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอเลปโป นอกจากนี้ ยังมีพลเรือน 13,346 ราย ที่ออกจากพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านในช่วงเวลาเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายต่อต้านซีเรียได้เสนอให้มีการหยุดยิง 5 วันในอเลปโป เพื่อเปิดทางให้มีการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย แต่ถูกปฎิเสธโดยรัสเซีย ขณะที่ฝรั่งเศส และอังกฤษได้เสนอร่างมติผ่านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีการหยุดยิง 7 วันในอเลปโป เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ร่างมติดังกล่าวถูกคว่ำโดยรัสเซีย และจีน
ทั้งนี้แม้ว่าการสูญเสียอเลปโปจะสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายของประชาชนที่ต้องการโค่นล้มระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่ชัยชนะของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ยังคงอีกยาวไกลในการกลับมาควบคุมซีเรียทั้งหมด เพราะพื้นที่อีกมากยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของฝ่ายต่อต้าน
ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ (11) กลุ่มดาอิช ก็เพิ่งจะชิงเมืองพัลไมรากลับไปจากการปกครองของระบอบบาชาร์ ทั้งที่มีรายงานว่ารัสเซียใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างหนักในพื้นที่ สังหารนักรบดาอิชได้หลายร้อยคน และยังขับไล่ออกจากเมืองได้สำเร็จแล้ว
พัลไมรา เมืองประวัติศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของซีเรีย และห่างจากอเลปโปลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 กิโลเมตร เป็นจุดที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของดาอิช และแทบไม่มีการรบพุ่งกันระหว่างทั้งสองฝ่ายมาก่อนหน้านี้
สื่อในสังกัดของกลุ่มดาอิชรายงานอ้างถึงชัยชนะในการสู้รบเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุว่า ดาอิชได้กลับเข้ามาควบคุมพื้นที่ทั้งหมดของพัลไมรา ขณะเดียวกัน กลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ “ซีเรียน ออปเซอร์เวโทรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์” ก็ยืนยันข่าวดังกล่าวว่าเกิดขึ้นจริง
นับเป็นครั้งที่สอง ที่กลุ่มดาอิชเข้ายึดครองพัลไมรา โดยในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ดาอิชได้บุกโจมตีเมืองอย่างหนัก หลังจากทำการปิดล้อมอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นกองกำลังชีอะห์ของระบอบบาชาร์ก็ถอนกำลังออกจากเมืองเปิดทางให้กลุ่มดาอิชเข้ายึดเมืองได้ในที่สุด
การสูญเสียเมืองพัลไมราครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากที่กองกำลังติดอาวุธชีอะห์ของระบอบบาชาร์จะได้รับการหนุนหลังจากเครื่องบินรบรัสเซีย ทำให้กลุ่มดาอิชถอนตัวออกจากเมืองเปิดทางให้กองกำลังชีอะห์เข้ายึดเมืองได้อีกครั้งในเดือนมีนาคมปีนี้ พร้อมกับทำการป่าวประกาศถึงชัยชนะครั้งนั้น โดยมีการจัดแสดงดนตรีฉลองกันอย่างใหญ่โต
โดยก่อนดาอิชจะเข้ายึดพัลไมรากระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันอาทิตย์ (11) ว่าเครื่องบินรบของรัสเซียเข้าโจมตี 64 ระลอกต่อฐานที่มั่น ขบวนรถ รวมถึงกำลังหนุนของกลุ่มดาอิช ที่พัลไมรา ตลอดคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (10) สังหารพวกดาอิชได้กว่า 300 คน
“ตลอดคืนวันเสาร์ กองทัพรัฐบาลซีเรีย ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากกองทัพอากาศรัสเซีย สามารถขับไล่ไอเอสออกจากเมืองพัลไมราได้อย่างสมบูรณ์” กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุ
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุอีกว่า พวกดาอิชพยายามตอบโต้ด้วยคาร์บอมบ์และมือระเบิดฆ่าตัวตาย รวมถึงยานยนต์หุ้มเกราะและเครื่องยิงจรวด อย่างไรก็ตาม การโจมตีของรัสเซียครั้งนี้สามารถทำลายรถถัง 11 คันและยานยนต์อื่นๆ ของดาอิชอีก 31 คัน
แต่ล่าสุดในคืนวันอาทิตย์ หลังจากดาอิชต้องพบกับการสูญเสียอย่างหนักจากการโจมตีของรัสเซีย แต่กองกำลังชีอะห์ระบอบบาชาร์กลับถอนตัวออกจากเมืองและปล่อยให้กลุ่มดาอิชเข้ายึดเมืองพัลไมราได้ในที่สุด