ยิวเรียกทูต 14 ชาติประท้วงที่ลงมติ UN ประณามยิว

อิสราเอลเรียกทูต 14 ชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อประท้วงหลังร่วมลงมติประณามอิสราเอลสร้างบ้านยิวในแผ่นดินปาเลสไตน์

สำนักข่าวอัล-ญะซีเราะห์รายงานว่า Emmanuel Nahshon โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลเปิดเผยว่าได้ดำเนินการในการตอบโต้ทางการทูตต่อชาติสมาชิก 14 ชาติที่ร่วมกันลงมติในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้าประท้วงที่กระทรวงการต่างประเทศทั้งวัน ยกเว้นเพียงทูตสหรัฐฯ ที่งดออกเสียงในการลงมติดังกล่าว

ด้านนาย Avigdor Lieberman รัฐมนตรีกระทรวงสงครามของอิสราเอลประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าอิสราเอลจะตอบโต้มติดังกล่าวด้วยการตัดการติดต่อกับคณะกรรมการประสานงานพลเรือนของปาเลสไตน์

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ผ่านร่างมติ ในวันศุกร์(23 ธันวาคม)หลังจากที่สหรัฐงดออกเสียง ซึ่งช่วยทำให้เป็นครั้งแรกที่ร่างมติประณามอิสราเอลในการตั้งถิ่นฐานชาวยิวในแผ่นดินของชาวปาเลสไตน์ผ่านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินับแต่ปี 1979

มติดังกล่าวเรียกร้อง “อิสราเอลหยุดในทันทีสำหรับกิจกรรมในการตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์รวมทั้งในเยรูซาเล็มตะวันออก”

มติดังกล่าวระบุว่าการตั้งถิ่นฐานชาวยิว “ไม่มีความถูกต้องตามกฎหมาย” และ “อันตรายต่อกระบวนการสันติภาพบนพื้นฐานสองรัฐที่เคียงคู่กัน”

นายกรัฐมนตรีเบนจามินเนทันยาฮูที่เคยปฏิเสธเนื้อหาในร่างมติดังกล่าวโดยบอกว่ามัน “เป็นระเบิดที่น่าอับอายสำหรับอิสราเอล” โดยอิสราเอลพุ่งระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนี้เพราะ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และจอห์น เคอร์รี่รัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศสหรัฐอยู่เบื้องหลัง

“เรามีข้อสงสัยว่ารัฐบาลโอบามาอยู่เบื้องหลังร่างมตินี้ และล็อบบี้เพื่อผ่านมติ” เนทันยาฮูกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์

โดยร่างมติดังกล่าวถูกนำเสนอครั้งแรกโดยอิยิปต์ แต่อิสราเอลได้พยายามล็อบบี้ผ่านทางว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์โทรสายตรงถึงประธานาธิบดี อัลดุลฟัตตะห์ อัลซีซี ของอิยิปต์ให้ถอนทางมติดังกล่าวออกจากวาระประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งประสหประชาชาติ

ขณะที่ New Zealand, Malaysia, Venezuela และ Senegal ได้เสนอร่างมติดังกล่าวกลับเข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอีกครั้งหนึ่งวันหลังจากที่อิยิปต์ถอนร่าง จนมติดังกล่าวได้รับการรับรองเมื่อวันศุกร์ด้วยคะแนนเสียง 14 เสี่ยง โดยที่สหรัฐฯ งดออกเสียง เป็นผลให้มติดังกล่าวมีผลบังคับใช้

ด้านสอิ๊ด เอเรกัต หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของปาเลสไตน์ระบุหลังมติดังกล่าวผ่านคณะมนตรีความมั่นคงว่า “วันนี้นับเป็นชัยชนของกฎหมายระหว่างประเทศ ชัยชนะของการดำเนินการแบบอารายะด้วยการเจรจา และการปฎิเสธการใช้ความรุนแรงต่างๆ โดยสิ้นเชิง”

“ประชาคมระหว่างประเทศกำลังบอกให้อิสราเอลรู้ว่าการรักษาความปลอดภัย และความสงบสุข ไม่ได้มาด้วยความรุนแรง แต่ต้องจบลงด้วยกระบวนการสันติภาพ และการสร้างรัฐปาเลสไตน์ตามเส้นแบ่งเขตแดนปี 1967” เอเรกัตกล่าว

Sharif Nashashibi นักวิเคราะห์จากกรุงลอนดอนระบุว่า นับเป็นประวัติศาสตร์ในแง่ดีที่สหรัฐฯ งดออกเสียงในมติดังกล่าว แต่สหประชาชาติควรมีวิธีที่ดีกว่าในการบังคับให้อิสราเอลดำเนินการตามมติดังกล่าวไม่ให้เหมือนกับมติที่มีมาก่อนหน้านี้ที่ทำได้เพียงการออกมติมาให้อิสราเอลหยามมัน

“ในขณะที่สหประชาชาติไม่มีความชัดเจนในการหยุดการฆ่าคนครึ่งล้านคนในซีเรียที่ทำอย่างเปิดเผยโดยอ้างประชาธิปไตยในตะวันออกกลาง และเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดกำแพงในฝั่งตะวันตกของเขตเวสต์แบงค์ในดินแดนยึดครอง” Murray McCully รัฐมนตรีต่างประเทศนิวซีแลนด์กล่าว

โดยเขายังกล่าวหลังจากถูกอิสราเอลตอบโต้ทางการทูตด้วยการเรียกทูตกลับจากนิวซีแลนด์ว่า ไม่แปลกใจต่อการกระทำของอิสราเอล หลังจากที่นิวซีแลนด์ได้ร่วมเสนอร่างมติดังกล่าว

ทั้งนี้อิสราเอลได้เรียกทูตประจำเซเนกัลกลับประเทศด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการตอบโต้ทางการทูต หลังจากเซเนกัลร่วมเสนอร่างมติดังกล่าวด้วย

ขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สาบานว่าทันที่ที่รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ จะเข้ามาแก้ไขมติดังกล่าวของสหประชาชาติ และกล่าวตำหนิอย่างรุนแรงต่อรับบาลปัจจุบันของสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมใช้สิทธิในการวิโตมติดังกล่าว จนทำให้มติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายระหว่างประเทศในที่สุด

ความคิดเห็น

comments