ชาวออสเตรเลียหลายหมื่นคนจัดการเดินประท้วงในวันพฤหัสบดี (26 มกราคม) เรียกร้องให้เปลี่ยนวันชาติออสเตรเลียจากวันที่ 26 มกราคมเป็นวันอื่น เนื่องจากมันเฉลิมฉลองการมาถึงของกลุ่มคนขาวและจุดเริ่มต้นของความอยุติธรรมที่ชาวอะบอริจินเจ้าของแผ่นดินแห่งนี้ต้องพบกับความเสียเปรียบมายาวนาน
ประชาชนหลายหมื่นคนซึ่งส่วนใหญ่แต่งชุดสีธงชาติดั้งเดิม ดำ เหลือง แดง ชุมนุมกันในเมืองเมลเบิร์น หนังสือพิมพ์ดิเอจรายงาน ในขณะที่ถนนในซิดนีย์ บริสเบน แอดิเลด และเพิร์ท มีผู้ออกมาร่วมเดินหลายพันคน
สำหรับชาวอะบอริจินส่วนใหญ่ที่สืบเชื้อสายบนทวีปเกาะแห่งนี้ย้อนกลับไป 50,000 ปี วันที่ 26 มกราคมคือ “วันแห่งการรุกราน” วันครบรอบจุดเริ่มต้นของการล่าอาณานิคมของอังกฤษบนดินแดนของพวกเขาและกดขี่พวกเขาอย่างโหดเหี้ยม
“ผมมาที่นี่เพื่อไว้อาลัยต่อชาวอะบอริจินที่ถูกฆาตกรรมในช่วงแรกของการตั้งถิ่นฐาน” ผู้ประท้วง เนวิล วการ์เล็ต บอก
ในขณะที่การเดินขบวนส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ ในซิดนีย์ชายวัย 20 ปีคนหนึ่งถูกจับกุมและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บ ตามการเปิดเผยของตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์
นายกรัฐมนตรี มัลคอล์ม เทิร์นบูล กล่าวว่า เขาไม่สนับสนุนการเปลี่ยนวันชาติออสเตรเลีย ซึ่งถูกเฉลิมฉลองในฐานะวันหยุดแห่งชาติที่มีงานเทศกาลต่างๆ ตั้งแต่การยิงดอกไม้ไฟเหนือสะพานฮาเบอร์บริดจ์ กิจกรรมของพลเมือง ไปจนถึงพิธีรำลึกของชนพื้นเมืองดั้งเดิม
“ทุกคนมีสิทธิที่จะมองในแบบของตน แต่ผมคิดว่าชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่ยอมรับว่าวันที่ 26 มกราคมเป็นวันชาติออสเตรเลีย” เทิร์นบูล บอกกับผู้สื่อข่าวในเมืองหลวงกรุงแคนเบอร์รา
การประท้วงมีขึ้นในเวลาที่การเมืองชาตินิยมฝ่ายขวากำลังรุ่งเรืองในออสเตรเลียเหมือนกับสหรัฐฯ และยุโรป และแทบไม่สนใจใดๆ ต่อประเด็นสิทธิชนพื้นเมือง
ชาวอะบอริจินเพิ่งได้รับสิทธิการเป็นพลเมืองเมื่อปี 1967 และการโหวตว่าจะยอมรับชาวอะบอริจินในรัฐธรรมนูญในฐานะพลเมืองชั้นหนึ่งของประเทศนี้หรือไม่ได้ถูกระงับมานานหลายปีแล้ว
ชาวอะบอริจิน และชาวเกาะช่องแคบตอร์เรส ราว 700,000 คนของออสเตรเลียยังคงประสบกับความยากลำบากจากผลกระทบของการล่าอาณานิคมและอยู่เกือบล่างสุดของพลเมือง 23 ล้านคนของประเทศนี้ในทุกดัชนีทางเศรษฐกิจและสังคม
ชาวอะบอริจินมีอายุขัยเฉลี่ยน้อยกว่าชาวออสเตรเลียกลุ่มอื่นๆ ถึง 10 ปีและคิดเป็น 27 เปอร์เซ็นต์ของนักโทษในเรือนจำ แต่เป็นเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด