ปฏิบัติการจู่โจมลับในเยเมนครั้งแรกภายใต้ รบ.สหรัฐฯ ชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำเอาคอมมานโดสหรัฐฯ เสียชีวิตถึง 1 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย ในการบุกโจมตีเป้าหมายสมาชิก AQAP เสียชีวิต 14 คน แต่กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ กลับปกปิดจุดประสงค์การออกปฏิบัติการดังกล่าว
เมื่อวันอาทิตย์ (29) มีรายงานว่า เพนตากอนได้ออกปฏิบัติการลับในเยเมน โดยในแถลงการณ์ที่ออกมาในช่วงสุดสัปดาห์ ที่สื่ออังกฤษระบุว่า จากการรายงานของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (Central Command) ระบุเพียงว่า ผลจากการจู่โจมทำให้พลเมืองสหรัฐฯ บาดเจ็บ 3 ราย และคาดว่าน่าจะมีสมาชิกกลุ่ม AQAP เครือข่ายอัลกออิดะห์ เป้าหมายเสียชีวิต 14 ราย
เดอะการ์เดียนรายงานอีกว่าในการบุกจู่โจมครั้งนี้ยังทำให้เจ้าหน้าที่คอมมานโดสหรัฐฯ เสียชีวิต 1 ราย โดยอาจเป็นนัยที่ชี้ได้ว่าเพนตากอนภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดทรัมป์เลือกที่จะใช้นโนยบายแข็งกร้าวในการปฎิบัติการทางทหารนอกประเทศ
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว เพนตากอนกลับพยายามปกปิดข้อเท็จจริงโดยการไม่ได้ระบุถึงความเสียหายของพลเรือน เหมือนเช่นที่มีรายงานปรากฏบนโลกโซเชียลมีเดีย โดยในแถลงการณ์กล่าวเพียงการร่อนลงจอดฉุกเฉินของอากาศยานที่ใช้ในปฏิบัติการ โดยในรายงานกล่าวเพียงว่า เป็นความขัดข้องของอากศยานสหรัฐฯ และนำไปสู่สิ่งที่เพนตากอนเรียกว่า “การร่อนจอดแบบ ฮาร์ดแลนดิง ในบริเวณใกล้เคียง” เท่านั้น และเพนตากอนระบุต่อว่า ทางกองกำลังคอมมานโดสหรัฐฯ ตั้งใจทำลายอากาศยานลำนี้ทิ้ง แต่ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุว่าทำไปเพื่อจุดประสงค์ใด
ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ และแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ชี้ว่า ประเภทของอากาศยานลำนี้คือ “เฮลิคอปเตอร์”
เยเมนอยู่ในภาวะวิกฤตต่อเนื่อง และรัฐบาลเยเมนที่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลกต้องหลบไปตั้งกองบัญชาการที่เมืองเอเดน ในขณะที่กบฏชีอะห์ฮูษีย์ที่มีอิหร่านหนุนหลังได้ใช้กำลังบุกเข้ายึดครองเมืองหลวงของเยเมนตั้งแต่ปี 2015
แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนชี้ว่า ดูเหมือนในช่วงสุดสัปดาห์ล่าสุด ทางสหรัฐฯ ได้ออกปฏิบัติการจู่โจมลับในวันเสาร์ (28) จากอากาศยานบริเวณนอกชายฝั่งเยเมนเข้าไปภายในพื้นที่ทางตอนใต้ ซึ่งเป็นกองกำลังต่อต้านกลุ่มกบฎชีอห์ฮูษีย์
โดย พล.อ.โจเซฟ โวเทล (Joseph Votel) ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯในตะวันออกกลาง และเอเชียใต้กล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า “พวกเรารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมากต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ 1 นายของพวกเรา” และแถลงต่อว่า “การเสียสละเหล่านี้เป็นรากฐานของก่ารต่อต้านก่อการร้ายของอเมริกา ที่องค์กรเหล่านี้เป็นตัวอันตายต่อผู้บริสุทธิ์ทั่วโลก”
ในขณะที่หน่วยกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ Central Command ออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ (29) ว่า “คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิต 14 รายเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย AQAP ในปฏิบัติการจู่โจม” แต่อย่างไรก็ตามในการแถลง ทางกองบัญชากลางสหรัฐฯไม่ได้ระบุเป้าหมายที่แน่ชัดของปฏิบัติการจู่โจมลับครั้งนี้
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความไว้อาลัยในการสูญเสียด้วยเช่านกัน โดยทรัมป์กล่าวว่า “ชีวิตของฮีโร่ผู้กล้าต้องถูกทำลายในการต่อสู้ต่อการก่อการร้ายมุสลิมสุดโต่งในคราบปีศาจเหล่านั้น” พร้อมกล่าวต่อว่า “ขอส่งใจและไว้อาลัยไปยังครอบครัวทหารกล้าผู้สูญเสีย”
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวต่อว่า “การเสียสละจากทั้งชายและหญิงในกองกำลังรบของพวกเรา และรวมไปถึงครอบครัวของคนเหล่านั้นที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เป็นเสมือนกระดูกสันหลังของเสรีภาพที่พวกเราหวงแหนสุดชีวิตในฐานะอเมริกันชน หล่อหลอมให้ประเทศของเราปลอดภัยยิ่งขึ้น และโลกของเรามีเสรีภาพมากขึ้น”
เดอะการ์เดียนรายงานว่า อย่างไรก็ตาม เพนตากอนประกาศว่า กองกำลังสหรัฐฯ ไม่ได้จับกุมเชลยในปฏิบัติการจู่โจมลับล่าสุด ส่วนกองบัญชาการกลางแถลงถึงความสำเร็จในปฏิบัติการวันเสาร์ (28) ว่า “ในปฏิบัติการจู่โจมลับครั้งนี้ สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการครอบครองข้อมูลสำคัญที่จะนำไปสู่การวางแผนการก่อการร้ายในอนาคต”
โดยพยานในพื้นที่ได้ให้ข้อมูลจากการรายงานของรอยเตอร์ว่า ได้ยินการต่อสู้ด้วยอาวุธปืนดังไปทั่วในเขต ยาคลา (Yakla) จังหวัดเบย์ดา (Bayda) และได้สังหารอับดุลราอูฟ อัล-ดาฮับ (Abdulraoof al-Dhahab) ผู้นำระดับสูงของAQAP พร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ของกลุ่ม
โดยแหล่งข่าวความมั่นคงเยเมนระบุว่า มีแกนนำระดับสูงของกลุ่มอัลกออิดะห์ 3 คนเสียชีวิต
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ทั่วไปในเยเมน แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลในวันอาทิตย์ (29) ว่ามีการปะทะเกิดขึ้นระหว่างกองกำลังรัฐบาลเยเมนและกบฎชีอะห์ฮูษีย์ บริเวณชายฝั่งตะวันตกของเยเมน ทำให้สมุนกบฏเยเมนไม่ต่ำกว่า 100 คนต้องเสียชีวิตภายในแค่ 24 ชม.
โดยพบว่ามีการนำร่างสมาชิกกลุ่มกบฏที่เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 90 คนไปยังโรงพยาบาลในเมือง Hodeida ซึ่งเป็นเมืองภายใต้อิทธิพลของกบฏ ในขณะที่ร่างผู้เสียชีวิตของทหารรัฐบาลเยเมน 19 นายจากการปะทะถูกนำกลับไปยังเมืองเอเดน แหล่งข่าวการแพทย์และการทหารให้ข้อมูล
https://www.youtube.com/watch?v=LyLSLqAaaJY