เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะสนับสนุนการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แต่ไม่ยึดติดกับแนวทางสร้าง 2 รัฐควบคู่ ซึ่งเป็นแนวทางที่จะเปิดทางสู่การตั้งรัฐปาเลสไตน์
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ออกมาให้สัมภาษณ์เพียง 1 วันก่อนที่ ทรัมป์ จะพบกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลที่ทำเนียบขาว โดยระบุว่า การสร้างสันติภาพซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดนั้น “จะมาในรูปของการมี 2 รัฐควบคู่หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของทั้งสองฝ่าย หรืออาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้” และผู้นำสหรัฐฯ จะไม่พยายาม “ชี้นำ” ทางออกเรื่องนี้
การที่ ทรัมป์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนทางออกแบบ 2 รัฐอย่างแข็งขันถือเป็นการละทิ้งจุดยืนที่นานาชาติยึดถือมานานหลายสิบปี และยังเป็นหัวใจสำคัญในการยุติความขัดแย้งระหว่างชาวยิวและปาเลสไตน์
ยิ่งไปกว่านั้น การที่สหรัฐฯ ทำเพิกเฉยไม่สนับสนุนให้ชาวปาเลสไตน์ได้มีรัฐเป็นของตนเองอาจกระทบต่อความสัมพันธ์กับโลกมุสลิม รวมถึงชาติพันธมิตรอาหรับซึ่งสหรัฐฯยังจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือในการปราบปรามกลุ่มดาอิช และคานอำนาจของอิหร่าน
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนเดิมระบุว่า ทรัมป์ เล็งเห็นความมจำเป็นที่จะต้องยุติความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และได้มอบหมายให้ เจเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยคนโปรดเชื้อสายยิวของเขา เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการเจรจาสันติภาพ
อย่างไรก็ตาม เดวิด ฟรีดแมน ซึ่ง ทรัมป์ ได้เสนอชื่อเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเทลอาวีฟคนใหม่ แต่ยังไม่ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา จะยังไม่มีส่วนร่วมในการหารือระหว่าง ทรัมป์ กับ เนทันยาฮู วันพุธ (15)
ฟรีดแมน มีจุดยืนสนับสนุนการขยายนิคมชาวยิวในดินแดนปาเลสไตน์และเยรูซาเลมตะวันออก และเป็นคนหนึ่งที่ตั้งคำถามเรื่องทางออกแบบ 2 รัฐควบคู่มาโดยตลอด