มัสยิดแห่งหนึ่งที่เคยถูกใช้บริการโดย “อานิส อัมรี” คนร้ายที่ขับรถบรรทุกชนคนในตลาดคริสต์มาส ได้ถูกทางการเยอรมนีสั่งปิดไปแล้ว ท่ามกลางการบุกตรวจค้นหลายระลอกเพื่อตามล่าหากลุ่มหัวรุนแรงรายอื่นๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 460 นาย ได้บุกตรวจค้นสถานที่อื่นอีก 24 แห่งทั่วเขต Moabit ในเบอร์ลิน เมื่อช่วงรุ่งสางวันอังคาร ที่มีความเกี่ยวข้องกับมัสยิด Fussilet 33 อันเป็นสถานที่ต้องสงสัยว่ามีการรวบรวมเงินทุนสนับสนุนก่อการร้ายในซีเรีย
อัมรี ผู้ก่อเหตุร้ายเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีที่แล้ว จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 ราย คือคนที่มักมาเยือนมัสยิด Fussilet 33 อยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับชาวมุสลิมคนอื่นๆ ที่ตำรวจอ้างว่าพวกนี้จะก่อการร้ายอีก
สมาชิกของมัสยิดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตุรกี หรือคอเคเชียน ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกหัวรุนแรงที่ชักชวนคนไปเป็นกำลังสู้รบให้กลุ่มดาอิช
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าจับตาบริเวณทางเข้ามัสยิดดังกล่าว ด้วยการใช้กล้องที่ซ่อนเอาไว้ตรงสถานีตำรวจฝั่งตรงข้าม พบเห็นการพูดคุยสื่อสารกันหลายครั้งของสมาชิกมัสยิด Fussilet 33
สถานที่หลายแห่งที่ถูกตรวจค้นในวันอังคาร มีทั้งออฟฟิศ แฟลต ห้องขัง 6 ห้องในเรือนจำ 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าขณะนี้ตำรวจที่บุกตรวจค้นยังไม่มีการจับกุมผู้ใด
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของเบอร์ลิน ได้บอกกับสำนักข่าวเอพีว่า ทางการได้ยึดเงินทุนของมัสยิด Fussilet 33 พร้อมทั้งสั่งปิดเว็บไซต์ของมัสยิด รวมถึงห้ามมิให้ดำเนินการจัดตั้งใหม่ในชื่ออื่นหรือสถานที่อื่น
อัมรีได้หลบหนีออกจากเบอร์ลินหลังก่อเหตุ แล้วถูกจับได้แถวรอบนอกของเมืองมิลานในอีก 4 วันต่อมา โดยตำรวจ 2 นาย ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ทำการยิงอัมรีจนเสียชีวิต
ทางการเยอรมนีเคยประกาศว่า พวกเขาจะปิดมัสยิดดังกล่าวให้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่เคยพยายามอยู่หลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2015 โดยมีการแจ้งเรื่องปิด เพื่อให้เจ้าของย้ายออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งยังยกเลิกสัญญาเช่าระหว่างมัสยิดกับเจ้าของที่ดิน