จีนและรัสเซียจับมือปกป้องซีเรียในการ “วีโต้” มติประณามซีเรียในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (28 กุมภาพันธ์) ซึ่งหากมติดังกล่าวผ่านจะส่งผลให้มีมาตรการคว่ำบาตรซีเรียในประเด็นการใช้อาวุธเคมีต่อพลเรือนซีเรีย ซึ่งรัสเซียอ้างว่าการลงโทษต่อซีเรียนั้นไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ
การวีโต้ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่การเจรจาสันติภาพที่นครเจนีวายังคงไร้สัญญาณทางออกสำหรับสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 6 ปี
รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารรายใหญ่ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ใช้อำนาจวีโต้เพื่อช่วยเหลือซีเรียมาแล้วถึง 7 ครั้ง ขณะที่จีนช่วยโหวตปกป้องซีเรียมาแล้ว 6 ครั้ง
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้ออกมาประกาศก่อนที่จะมีการโหวตว่า การลงโทษรัฐบาลซีเรียทั้งๆ ที่ยังมีการเจรจาสันติภาพอยู่ที่นครเจนีวานั้น “ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง”
ด้าน นิกกี ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้ตอบโต้ว่า “มตินี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง”
“มันเป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับคณะมนตรีความมั่นคง เมื่อรัฐสมาชิกต่างหาข้ออ้างปล่อยให้รัฐอื่นๆ เข่นฆ่าประชาชนได้… โลกนี้อันตรายขึ้นทุกวันจริงๆ”
มติประณามซีเรียซึ่งร่างขึ้นโดยอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ได้รับการโหวตเห็นชอบจาก 9 ประเทศ และมี 3 ประเทศที่คัดค้าน ได้แก่ โบลิเวีย จีน และรัสเซีย ส่วนอียิปต์ เอธิโอเปีย และคาซักสถาน งดออกเสียง
ทั้งนี้ มติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติจะต้องได้รับการโหวตเห็นชอบจากรัฐสมาชิกอย่างน้อย 9 ประเทศ และไม่มีสมาชิกถาวรใช้สิทธิ์วีโต้จึงจะผ่านได้
เนื้อหาของร่างมติกำหนดให้มีการขึ้นบัญชีดำพลเมืองซีเรีย 11 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกผู้บัญชาการทหาร และองค์กรอีก 10 แห่งที่มีส่วนพัวพันกับการใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนในช่วงปี 2014-2015 นอกจากนี้ยังห้ามประเทศใดๆ จำหน่ายเฮลิคอปเตอร์และสารเคมีให้แก่กองทัพหรือรัฐบาลซีเรีย
ผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติสรุปผลการสอบสวนเมื่อเดือน ตุลาคมปีที่แล้วว่า กองทัพอากาศซีเรียได้ส่งเฮลิคอปเตอร์นำถังบรรจุก๊าซพิษคลอรีนไปถล่มหมู่บ้าน 3 แห่งที่อยู่ในการยึดครองของฝ่ายต่อต้านซีเรีย เมื่อปี 2014 และ 2015
ฟรองซัวส์ เดอลาตร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหประชาชาติ ชี้ว่า การใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนสะท้อนถึงความ “ไร้อารยธรรม” ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-มาร์ก เอโรต์ ก็เตือนรัสเซียให้ตระหนักถึง “ความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของชาวซีเรีย และมนุษยชาติทั้งมวล”
โบริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ระบุว่า การใช้สิทธิ์วีโต้ของรัสเซียและจีนเป็นเรื่องที่ “น่าผิดหวังอย่างยิ่ง”
คณะทำงานร่วมสหประชาชาติและองค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ยังพบด้วยว่า กลุ่มดาอิชก็ได้นำแก๊สมัสตาร์ดมาใช้ในสงครามเมื่อปี 2015
วลาดิมีร์ ซาฟรอนคอฟ รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวย้ำคำพูดของ ปูติน ที่ว่ามติคว่ำบาตรจะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสันติภาพ และร่างมติที่ 3 ชาติตะวันตกผลิตขึ้นนั้นเป็นการ “ยั่วยุ” ให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ด้าน หลิว เจียอี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ อ้างว่าการคว่ำบาตรซีเรียนั้นยังเร็วเกินไป และควรรอให้กระบวนการตรวจสอบของ UN-OPCW เสร็จสมบูรณ์เสียก่อน