กองทัพเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธจำนวน 4 ลูกไปทางตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (6 มีนาคม) โดยมีรายงานว่าจรวดได้ลอยไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของของญี่ปุ่นถึง 3 ลูก
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเพิ่งจะนำขีปนาวุธพิสัยกลางออกมายิงทดสอบ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งเกาหลีใต้ชี้ว่าคงจะมีเจตนา “หยั่งเชิง” ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เกาหลีเหนือเรียกขีปนาวุธดังกล่าวว่า พุกกุกซอง-2 (Pukguksong-2) และอ้างว่าเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้
เกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (6) ว่า โสมแดงได้ยิงขีปนาวุธหลายลูกออกไปทางทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กำลังวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางของจรวดอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทราบข้อมูลมากกว่านี้
“ในแง่ของพิสัยการเดินทางนั้นน่าจะอยู่ที่ราวๆ 1,000 กิโลเมตร” กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลง
รัฐบาลเกาหลีใต้ยืนยันว่ากองทัพได้ “ติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือการยั่วยุ และมีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา”
ฮวาง เคียว อันห์ รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) เป็นการด่วนเพื่อหามาตรการตอบโต้
ด้านนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น แถลงต่อรัฐสภาวันจันทร์ (6) ว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 4 ลูก “เกือบจะพร้อมๆ กัน” และลอยเข้าไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นถึง 3 ลูก ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็น “ภัยคุกคามที่ร้ายแรงขึ้นไปอีกขั้น”
ล่าสุด โทโมมิ อินาดะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ได้แถลงเมื่อช่วงสายๆ ว่า จรวดเกาหลีเหนือ 3 ลูกลอยมาตกห่างจากชายฝั่งคาบสมุทรโองะ (Oga Peninsula) ในจังหวัดอะกิตะ (Akita) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เพียงราวๆ 300-350 กิโลเมตร
นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่จรวดของเกาหลีเหนือรุกล้ำเข้าไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น ซึ่งหมายถึงอาณาเขต 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งที่ญี่ปุ่นมีสิทธิ์ในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพุ่งตรงไปยังเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน สิงหาคม 2016
“การที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นสิ่งที่อันตรายและยั่วยุในแง่ของความมั่นคง และยังละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดแจ้ง เราทนรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้” อาเบะกล่าว
ล่าสุด หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายที่เกิดกับเรือขนส่งสินค้าในบริเวณจุดตกของจรวด
เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เพิ่งจะเปิดปฏิบัติการซ้อมรบประจำปีไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เกาหลีเหนือที่เชื่อว่ากิจกรรมนี้เป็นการ “ซ้อมรุกราน”
เพียง 1 วันหลังจากภารกิจฝึกซ้อมภายใต้รหัส “โฟล อีเกิล” เริ่มขึ้น กองทัพเกาหลีเหนือก็แถลงขู่ทันทีว่าจะนำอาวุธนิวเคลียร์ออกมาตอบโต้กองกำลังของศัตรู “อย่างไม่ปรานี”
“ในเมื่อนักล่าอาณานิคมสหรัฐฯ และกองทัพของรัฐบาลหุ่นเชิดเกาหลีใต้เปิดฉากฝึกซ้อมทำสงครามนิวเคลียร์ถึงหน้าประตูบ้านเกาหลีเหนือ กองทัพของเราก็จะตอบโต้พวกเขาด้วยมาตรการที่หนักหน่วงที่สุด” สำนักข่าวเคซีเอ็นเออ้างคำพูดของโฆษกกองทัพเกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือมักกระทำการยั่วยุต่างๆ นานาในช่วงเวลา 2 เดือนที่เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาซ้อมรบ เช่นเมื่อปีที่แล้วซึ่งมีการยิงขีปนาวุธถึง 7 ลูก
ด้านกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า สามารถตรวจจับและติดตามสิ่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นจรวดของเกาหลีเหนือซึ่งถูกยิงเมื่อเวลาประมาณ 22.34 GMT (ราว 5.34 น. ตามเวลาในไทย) แต่ยืนยันว่าจรวดดังกล่าวไม่เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคอเมริกาเหนือ
พันโท มาร์ติน โอดอลเนลล์ โฆษกกองบัญชาการยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ แถลงว่า กองกำลังสหรัฐฯ “ได้เฝ้าระวังการยั่วยุของเกาหลีเหนือตลอดเวลา และทำงานร่วมกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาความมั่นคง”