เมื่อวันพุธ(5 เมษายน)ว่า วันเดียวกันนี้รัฐบาลเยอรมนีอนุมัติร่างกฎหมายลงโทษโซเชียลมีเดียรายใหญ่ ที่มีโทษให้จ่ายค่าปรับสูงถึง 50 ล้านยูโร หรือราว 1,850 ล้านบาท หากโซเชียลมีเดียเหล่านี้ล้มเหลวที่จะลบทิ้งข้อความที่เป็น “เฮทสปีช” หรือวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชัง และข่าวปลอมต่างๆที่มีผู้มาโพสต์บนสื่อของตนเองภายใน 1 สัปดาห์นับจากที่ได้รับแจ้ง

นอกจากนี้ผู้บริหารของโซเชียลมีเดียรายใหญ่อย่าง ทวิตเตอร์ และ เฟซบุ๊ก ยังเสี่ยงที่จะได้รับโทษปรับเป็นรายบุคคลด้วย ที่มีอัตราค่าปรับสูงถึง 5 ล้านยูโร หรือราว 185 ล้านบาท หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเยอรมนี

รายงานข่าวระบุว่า นับตั้งแต่เยอรมนีเปิดรับผู้อพยพลี้ภัยเข้ามาในประเทศราว 1 ล้านคนนับจากปี 2558 ได้มีการโพสต์ข้อความที่สร้างความเกลียดชังขึ้นในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย

จากแนวโน้มนี้ส่งผลให้รัฐบาลเยอรมนีออกมาย้ำเตือนสื่อโซเชียลรายใหญ่อีกให้จัดการตรวจตราควบคุมเนื้อหาที่มีการโพสต์ทางเครือข่ายโซเชียลมีเดียของตนให้รัดกุมยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี รัฐบาลเยอรมนีของนางอังเกลา แมร์เคิล ตัดสินใจที่จะดำเนินมาตรการที่แข็งกร้าวขึ้นอีก หลังจากเห็นว่าสื่อโซเชียลยักษ์ใหญ่เหล่านี้ไม่ได้ดำเนินการมากเพียงพอในการตรวจสอบ ควบคุมและลบทิ้งเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งขัดต่อกฎหมาย

นอกเหนือจากวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังและข่าวปลอมแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังมีผลครอบคลุมถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย รวมถึงภาพอนาจารเด็กและกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวเนื่องกับก่อการร้ายด้วย

ภายใต้มาตรการนี้ โซเชียลมีเดียต่างๆ มีเวลา 24 ชั่วโมง ที่จะต้องลบข้อความหรือเนื้อหาที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นกฎหมายเยอรมนีอย่างชัดเจนทิ้งหลังจากผู้ใช้ร้องเรียนมา ส่วนเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอื่นๆจะต้องถูกลบทิ้งภายใน 7 วัน หลังจากมีการร้องเรียน นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียยังจะต้องทำให้ผู้ใช้รายงานถึงโพสต์ที่เป็นปัญหาได้ง่ายขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเยอรมนีเสียก่อน ถึงจะมีผลบังคับใช้ได้

ความคิดเห็น

comments

By admin