เจ้าหน้าที่ดูแลมัสยิดอัล-อัสซอกล่าวว่าชาวยิวหัวรุนแรงหลายสิบคนจากกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวเตรียมบุกเข้ามายังบริเวณมัสยิด อัล-อักซอ ในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งพวกเขาเข้ามาเพื่อทำพิธีกรรมมูดิคตามความเชื่อของศาสนายิว
“ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวหัวรุนแรงประมาณ 48 คนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตำรวจอิสราเอลได้บุกเข้าไปในบริเวณมัสยิดผ่านประตู Al-Mugharbeh” Firas al-Dibs โฆษกหน่วยงานทางศาสนาของจอร์แดนซึ่งมีหน้าที่ดูแลมัสยิดอัล-อักซอ ตามมติของสหประชาชาติกล่าวกับสำนักข่าว Anadolu
“พวกเขาเดินเข้ามาในพื้นที่โดยผ่านโดมออฟเดอะร็อค และมัสยิด ก่อนที่จะเดินผ่านไปยังประตู Al-Silsila” เขากล่าว
สัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวหัวรุนแรงได้เรียกร้องให้สาวกมาชุมนุมกันที่ Al-Aqsa จำนวนมากเพื่อทำพิธีในวันหยุดเทศกาลปัสกาของชาวยิวซึ่งในปีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10-16 เมษายน
“ในปีที่ผ่านมามีผู้อพยพชาวยิวหัวรุนแรงมากกว่า 1,000 คนเข้ามาในบริเวณมัสยิดอัลอักซอในช่วงเทศกาลปัสกา” Firas al-Dibs กล่าว
“ในปีนี้ชาวมุสลิมนับร้อยคนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะมาประจำอยู่ที่มัสยิด เพื่อสกัดกั้นการบุกรุกดังกล่าว” เขากล่าวเสริม
สำหรับชาวมุสลิมแล้วอัลอักซอเป็นมัสยิดสำคัญลำดับที่ 3 รองจากมัสยิดอัลฮารอมมักกะห์ และมัสยิดอัลนะบาวีย์ มะดีนะห์ แต่ชาวยิวกล่าวอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของ “Temple Mount” ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ยิว 2 แห่งในสมัยโบราณ แต่ยิวก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานใดมาสนับสนุนข้ออ้างของตนได้
กลุ่มชาวยิวกลุ่มหัวรุนแรงบางกลุ่มได้เรียกร้องให้มีการรื้อทำลายมัสยิดอัล-อักซอเพื่อ สร้างวิหารของชาวยิวขึ้นแทน
อิสราเอลก่อสงครามบุกยึดกรุงเยรูซาเล็มตะวันออก – ซึ่งเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักซอ ในปี 1967 ต่อมาได้ผนวกเอาพื้นที่ดังกล่าวเป็นของตนเองในปี 1980 แม้ว่าจะขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ระบุให้อิสราเอลต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดมาหลังสงคราม 6 วันในปี 1967 แต่อิสราเอลไม่เคยปฎิบัติตามมติดังกล่าว และสหประชาชาติก็ไม่เคยบังคับใช้มติดังกล่าวแต่อย่างใด
