รัสเซียใช้การปั้นข่าวเท็จบิดเบือนความจริงสร้างโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงชาวโลกต่อสงครามกลางเมืองในซีเรีย โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดในการที่ระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนชาวซีเรียจนเกิดเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ในเมืองคานชิคุน จังหวัดอิดลิป
จากความเห็นของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียที่ออกแถลงการณ์กล่าวหาว่าเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีโจมตีเพื่อสังหารหมู่พลเรือนชาวซีเรียในเมืองคานชิคุน ทางตอนเหนือของซีเรีย เป็น “แผนการของตะวันตก”
รวมถึงการที่ประธานาธิบดีรัสเซียได้อธิบายว่าพลเรือนที่ตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีด้วยอาวุธเคมีโดยระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยปูตินบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ละคร”
DIANA MOUKALLED จากเลบานอนรายงานว่าวิธีการในการสร้างข่าวเท็จลักษณะนี้เกิดขึ้นมานับตั้งแต่ทหารรัสเซียถูกส่งเข้ามาเพื่อแทรกแซงสนับสนุนระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดในปี 2015 โดยการนำเสนอข่างของสื่อรัสเซียจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้คนหลงเชื่อว่าการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในซีเรียเป็นการกระทำของกลุ่มหัวรุนแรงที่ต่อต้านระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับกองกำลังชีอะห์ของบาชาร์ อัล-อัสซาด และทหารรัสเซีย
และการโฆษณาชวนเชื่อครั้งนี้ก็เกิดขึ้นกับเหตุสังหารหมู่ในเมืองคารชิคุน ซึ่งมีความรุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีการรายงานถึงพยาน หรือผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาทิเช่น Abdul Hamid Youssef บิดาเด็กน้อยฝาแฝดชาวซีเรียที่เสียชีวิตพร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวรวม 20 คน และรายงานของสำนักข่าวรัสเซียยังไม่มีการพูดถึงลักษณะการเกิดเหตุที่เคยเกิดมาก่อนในลักษณะการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนดังที่ปรากฎในรายงานขององค์กรระหว่างประเทศอย่าง Human Rights Watch
โดยสำนักข่าว RT และ Sputnik ของรัสเซียได้มีการนำเสนอเหตุการสังหารหมู่พลเรือนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 4 เมษายน ในเมืองคานชิคุน โดยมีการนำเสนอทุกวันด้วยการอ้างถึงว่าการสังหารหมู่เกิดขึ้นจากการกระทำของนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรีย
ตัวอย่างการนำเสนอของ RT เช่นการนำเสนอของสื่อรัสเซียที่อ้างถึงนักวิเคราร์ทางทหารของรัสเซีย ที่อ้างว่าจากภาพถ่ายของเมืองไม่มีหลักฐานการใช้ระเบิดเคมี และยังมีการวิเคราะห์ชิ้นส่วน ระยะเวลาของการทิ้งระเบิด พร้อมอ้างว่า “การโจมตีด้วยอาวุธเคมีไม่เป็นประต่อระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด”
แต่ RT กลับไม่มีการระบุถึงลักษณะเฉพาะ หรือความเชี่ยวชาญ ของผู้ที่อ้างตัวเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ไม่มีการนำเสนอหลักฐานประกอบข้ออ้าง
ในทำนองเดียวกันสำนักข่าว Sputnik ที่รายงานโดยอ้างว่าการอ้างถึงการโจมตีด้วยอาวุธเคมี เป็นการอ้างเพื่อให้เกิดความชอบธรรมของสหรัฐฯในการโจมตีซีเรีย ทั้งที่ไม่มีการใช้อาวุธเคมีแต่อย่างใด แต่การนำเสนอดังกล่าวกลับไม่มีการอ้างถึงหลักฐานประกอบการวิเคราะห์แต่อย่าง จนทำให้รายงานดังกล่าวเป็นลักษณะของข่าวปลอม
รายงานข่าวปลอมจากสำนักข่าว Sputnik รุนแรงถึงขั้นอ้างว่า เด็กๆ ที่เสียชีวิตจากเหตุสังหารหมู่ในเมืองคานชิคุนว่า เด็กเหล่านี้ไม่ได้ตายจากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีของระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่เด็กเหล่านี้ตายจากการถูกฆ่าโดยกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยหรือที่รู้จักกันในชื่อของ White Helmets
ข่าวดังกล่าวมีการอ้างอิงรายงานหนึ่งของ Veterans Today ที่อ้างรายงานของแพทย์สวีเดนภายใต้ชื่อ “การเปิดเผยความหลอกลวงของ White Helmets”
สำนักข่าว RT และ Sputnik ได้แพร่กระจายข่าวปลอมไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยความร่วมมือของสื่อชีอะห์ที่มีความใกล้ชิดกับระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดเช่น Al-Alam, Al-Manar, Al-Maydan และเว็บไซด์ต่างๆ ที่รายงานต่อโดยอ้างว่าเป็นการกระทำของกลุ่ม White Helmets ตามรายงานข่าวปลอมที่ผลิตจากสื่อรัสเซีย โดยอ้างว่า “White Helmets ไม่ได้ช่วยเหลือเด็กๆ แต่พวกเขากลับฆ่าเด็กเหล่านี้เพื่อให้เกิดความสมจริงของการถ่ายทำวิดีโอ”
การรายงานข่าวปลอมนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องโกหกที่เผยแพร่ และตีพิมพ์โดยไม่มีการอ้างอิงที่มาของข่าว การโฆษณาชวนเชื่อนี้ส่วนใหญ่มาจากแหล่งแหล่งเดียวกัน แม้แต่เว็บไซต์ข่าว South Front ของอังกฤษ ซึ่งเป็นเว็บไซด์ที่จดทะเบียนในกรุงมอสโกของรัสเซีย ก็เป็นหนึ่งในผู้แพร่กระจายข่าวปลอมเหล่านี้
น่าสนใจว่าข่าวปลอมเหล่านี้ยังคงเผยแพร่ต่อไม่แม้ว่าองค์กรแพทย์สวีเดนด้านสิทธิมนุษยธรรมได้ออกเอกสารแถลงการณ์ยืนยันว่า รายงานข่าวที่กล่าวหาอาสาสมัครกู้ภัย White Helmets นั้น สมาคมแพทย์สวีเดนเพื่อสิทธิมนุษยชนยืนยันว่า “รายงานข่าวดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง และไม่มีตัวแทนจากองค์กรเป็นผู้ให้ข่าวดังกล่าว”
แม้ความจริงจะถูกเผยอย่างชัดเจน แต่สื่อรัสเซียก็ยังคงพูดเกินจริง และบิดเบือนข้อเท็จจริงในข่าวเท็จที่ตนได้เผยแพร่อย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งตามเว็บไซด์ต่างๆ โดยเป็นการเสนอข่าวที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลรัสเซีย
โดยปกติแล้วคำแถลงอย่างชัดที่เผยแพร่โดยองค์กรแพทย์สวีเดนที่ถูกอ้างถึงตามข่าวเท็จ โดยมีการเผยแพร่แถลงการณ์ดังกล่าวไว้ในเว็บไซด์ทางการขององค์กร ย่อมทำให้การเผยแพร่ข่าวเท็จย่อมเป็นที่ยุติ แต่กลับไม่ใช่กับกรณีนี้
และนี่คือภาพรวมของขอบเขตการผลิตโฆษณาชวนเชื่อในรูปข่าวปลอมของรัสเซีย โดยมีพื้นฐานอยู่บนการแพร่กระจายข้อมูลที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการกระทำที่ง่ายและได้ผล
อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ต่างๆ ยังคงเผยแพร่ข่าวปลอมโดยไม่แสดงความสนใจที่จะแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ดังจะเห็นได้จากผลของการค้นหาทาง Google ผลที่ได้จะพบข่าวปลอม มากกว่าข่าวจริงถึง 2 เท่า โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับแพทย์สวีเดน แม้จะมีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์แล้วก็ตาม
กลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยอัศวินหมวกขาวหรือ White Helmets เป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่เป็นเป้าหมายของของสื่อรัสเซียและซีเรีย รวมทั้งสื่ออื่นๆ ที่มีแนวคิดสนับสนุนระบอบการปกครองชีอะห์ของบาชาร์ อัล-อัสซาด เนื่องจากองค์กรนี้มีการเผยแพร่การทำงานของอาสาสมัคร รวมทั้งวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ยังทำให้เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในซีเรีย เกี่ยวกับอาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด และกองทัพอากาศรัสเซีย ส่งผลให้พวกเขา White Helmets ตกเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย
เมื่อภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการทำงานของพวกเขา White Helmets ได้รับรางวัลออสการ์เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เรื่องนี้ก็ถูกวิจารณ์ และโจมตีโดยระบอบการปกครองซีเรีย และรัสเซีย ผ่านทางช่องทางสื่อของพวกเขา แต่ที่สุดแล้วเรื่องราวของ White Helmets ได้ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้สึกถึงความเจ็บปวดของชาวซีเรีย และความกล้าหาญของเหล่าอาสาสมัครเหล่านี้ในการดำเนินงานด้านการช่วยชีวิตที่ในพื้นที่ที่เป็นไปแทบไม่ได้ อาสาสมัครจำนวนมากเหล่านี้ต้องอยู่บนความเสี่ยงสูงในการทำงานของพวกเขาจากผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในสงครามซีเรีย
ในความเป็นจริงสื่อรัสเซียจะไม่หยุดยั้งความพยายามของพวกเขาในการทำลายองค์กร White Helmets เพื่อเป็นการโฆษณาชวนเชื่อกล่าวหาว่าเป็นการก่อการร้ายซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกใช้โดย บาชาร์ อัล-อัสซาด ในการสัมภาษณ์ และแถลงการณ์มากกว่าหนึ่งครั้ง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสงสัยคือต้นตอของข่าวปลอมเหล่านี้เช่นกรณีของ Vanessa Beeley เธออ้างว่าเป็นสื่ออิสระของอังกฤษ แต่เมื่อค้นข้อมูลผ่าน Google จะพบบทสัมภาษณ์ของเธอกับสื่อรัสเซีย หรือซีเรียเท่านั้น
จากข้อมูลของ Vanessa Beeley อ้างว่ากลุ่มอัศวินหมวกขาว White Helmets จะถือว่าเป็นองค์กรอิสระเพราะเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศตะวันตกที่สนับสนุนองค์กรฝ่ายต่อต้านซีเรีย เธออ้างว่าแปลกที่สมาชิกของ White Helmets ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของผู้ก่อการร้าย เช่นดาอิช หรือ อันนุสเราะห์ หรือองค์กรที่เป็นพันธมิตร แน่นอนว่าสิ่งที่เธอกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจาก White Helmets ถูกระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด ห้ามเข้าพื้นที่ และ White Helmets ก็ตกเป็นเป้าสังหารของระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซีย ทำให้พวกเขาเข้าไปในพื้นที่อิทธิพลของบาชาร์ อัล-อัสซาดไม่ได้
นอกจากนี้หน้า Facebook ของเธอเต็มไปด้วยภาพของเธอในซีเรีย และในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยในภาพเหล่านี้ดูเหมือนราวกับว่าเธอกำลังเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าเข้าไปทำงาน และยังมีงานเขียนของเธอในหัวข้อนี่คือภาพของบาชาร์ อัล-อัสซาด มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางของเธอซึ่งเธอได้ยกย่องระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นระบอบการปกครองแบบฆราวาสต่อต้านการก่อการร้ายและการล่าอาณานิคมตะวันตก
ตัวอย่างเหล่านี้ถูกนำเสนอแบบซ้ำๆ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่มดังกล่าวด้วยการกล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่ากลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยทำงานภายใต้การดูแลของ “ผู้ก่อการร้าย” และตะวันตก ทั้งในสื่อของรัสเซีย และระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของการ โฆษณาชวนเชื่อ ของรัสเซีย นับตั้งแต่รัฐบาลรัสเซียเริ่มต้นส่งทหารเข้าทำสงครามในซีเรีย โดยการเพิ่มขึ้นของข่าวเท็จเหล่านี้มีมิติที่เป็นอันตรายมากขึ้น และมีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างข่าวเท็จ เพื่อให้การโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียแพร่กระจายไปทั่วโลกได้อย่างกว้างขวาง เพื่อทำให้รัสเซียสามารถยกตัวเองออกจากความมืด และขับเคลื่อนผลประโยชน์ตามความต้องการของตนเองได้