Headlines

จนท.บรรเทาทุกข์รัฐยะไข่ถูกแทงตาย ทหารพม่าโบ้ยโรฮิงญาทำ

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของกลุ่มช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศในรัฐยะไข่ ของพม่า ถูกแทงตายโดยรัฐบาลพม่าโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของ “กลุ่มก่อการร้าย” โดยพุ่งเป้าไปที่ชาวโรฮิงญาเมื่อวันเสาร์ (1)

พื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติตั้งแต่ทหารเริ่มปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาโดยยกเหตุกลุ่มก่อการร้ายเป็นข้ออ้างตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559

ชาวโรฮิงญามากกว่า 75,000 คน หลบหนีการปราบปรามของทหาร ที่ผู้สืบสวนสหประชาชาติระบุว่าอาจรุนแรงเทียบได้กับการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

ขณะที่พื้นที่ดังกล่าวเริ่มกลับเข้าสู่ความสงบ รัฐบาลได้รับรายงานการฆาตกรรมหรือลักพาตัวพลเรือนอย่างน้อย 60 คดี ตั้งแต่เดือนตุลาคม และเพิ่มสูงในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ โดยการสังหารส่วนใหญ่มุ่งโจมตีที่แกนนำชุมชนท้องถิ่นหรือผู้ที่ถูกสงสัยว่าให้ความร่วมมือกับรัฐ

ในวันเสาร์ (1) รัฐบาลระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ท้องถิ่นในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ถูกลากตัวออกจากบ้านเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน และถูกฟันจนเสียชีวิต โดยกลุ่มก่อการร้ายสวมหน้ากากสีดำราว 10 คน พร้อมมีดและขวาน

เหยื่ออายุ 34 ปี ทำงานให้กับ Community and Family Services International (CFSI) กลุ่มช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มีสำนักงานใหญ่ในฟิลิปปินส์ โดยองค์กรนี้ทำงานด้านการคุ้มครองเด็กและบริการการศึกษาทางเหนือของรัฐยะไข่ ตามคำแถลงของสำนักงานของนางอองซานซูจี

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บัญชีทวิตเตอร์ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มก่อการร้าย ที่รู้จักในชื่อ กองทัพกอบกู้โรฮิงญารัฐยะไข่ (อัสรา) ปฏิเสธว่าข้อกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหาร พร้อมระบุว่ารัฐบาลพม่าพยายามที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่ม

กลุ่มอัสรา กล่าวว่า กลุ่มกำลังต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิทางการเมืองของชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยมุสลิมไร้สัญชาติ ที่ทนทุกข์หลายปีจากการถูกแบ่งแยกเลือกปฏิบัติและการกดขี่ข่มเหงในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ

ริชาร์ด ฮอร์เซส์ นักวิเคราะห์อิสระในพม่าระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังการสังหาร

“แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ทั่วพื้นที่ทางเหนือของยะไข่ มีความพยายามอย่างเป็นระบบในการดำเนินการที่จะกำจัดชาวมุสลิมที่มีความเชื่อมโยงทางใดทางหนึ่งหรือถูกมองว่าติดต่อกับเจ้าหน้าที่” ฮอร์เซส์ กล่าว

วิกฤติในรัฐยะไข่นำมาซึ่งแรงกดดันจากทั่วโลกต่อซูจี ที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างรู้สึกผิดหวังจากการกล่าวปกป้องการปราบปรามของทหารต่อชาวโรฮิงญา และรัฐบาลของซูจียังปฏิเสธการสอบสวนของสหประชาชาติต่อข้อกล่าวหาการปราบปรามรุนแรงของทหาร และให้คำมั่นว่าจะปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับทีมค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติ

ความคิดเห็น

comments