เหตุก่อการร้ายโดยผู้ไม่ใช่มุสลิมสูงกว่า 4.5 เท่าของเหตุที่มุสลิมกระทำ

ในขณะที่สื่อกำลังปลุกกระแสให้คนหวาดกลัวชาวมุสลิมด้วยการใช้คำก่อการร้าย แม้ว่าในสัดส่วนความเป็นจริงมันจะมีสัดส่วนที่น้อยมากถ้าเทียบกับการก่อการร้ายที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมในปัจจุบัน ตามการศึกษาที่แสดงให้เห็นของมหาวิทยาลัยจอร์เจีย

จากการรวมรวมสถิติตามการรายงานของสื่อมวลชนของสหรัฐฯในช่วงปี 2011 ถึง 2015 พบว่าเหตุก่อการร้ายที่ผู้กระทำเป็นมุสลิมมีน้อยกว่าเหตุก่อการร้ายที่ผู้กระทำไม่ได้เป็นมุสลิมโดยเป็นการกระทำที่พุ่งสูงถึง 4.5 เท่า

ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบว่า “การที่การโจมตีของผู้ก่อการร้ายบางคนจึงได้รับความสนใจจากสื่อมากกว่าเหตุการก่อการ้ายของคนอื่น ๆ” Erin M. Kearns, Allison Betus และ Anthony Lemieux กล่าวว่าการที่สื่อนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นธรรม จะเป็นตัวเร่งต่อความหวาดกลัวอย่างไม่เป็นธรรมด้วย

“การโจมตีทั้งหมดในการศึกษาครั้งนี้ถือว่าเป็นการก่อการร้ายโดยผู้เชี่ยวชาญ และควรได้รับการคุ้มครองเช่นกัน แต่เป็นที่ชัดเจนว่าสื่อไม่ได้นำเสนออย่างครอบคลุมเหตุการณ์เหล่านี้อย่างเท่าเทียมกัน … มุสลิมเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีเพียง 12.4 เปอร์เซ็นต์ แต่การนำเสนอข่าวกับพุ่งไปอยู่ที่ 41.4 เปอร์เซ็นต์ของข่าว” ผู้เขียนกล่าวจากผลการศึกษาของพวกเขา

“โดยการนำเสนอของสื่อมวลชนพุ่งเป้าไปที่การก่อการร้ายโดยมุสลิมมากกว่าเหตุการก่อการร้ายอื่นๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ชาวอเมริกันมีความกลัวอย่างรุนแรงต่อการก่อการร้ายของชาวมุสลิม”

“ความเป็นจริงแสดงให้เห็นว่าความกลัวที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ผิด วิธีหนึ่งที่จะต่อสู้กับเรื่องนี้คือการปรับเปลี่ยนการนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับการก่อการร้ายให้ครอบคลุมการโจมตีอย่างเท่าเทียมกัน”พวกเขาแสดงความคิดเห็น

โดยมุ่งเน้นไปที่สื่อสองแหล่งคือ LexisNexis Academic และ CNN.com เพื่อเป็นเครื่องมือชี้วัดความเท่าเทียมในการนำเสนอของสื่อมวลชน พบว่าการนำเสนอข่าวเหตุระเบิดโจมตีในบอสตันมาราธอน 2013 ได้รับการนำเสนอเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ของเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสหรัฐในช่วงระยะเวลา 5 ปี

การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นจาก Tamerlan และ Dzhokhar 2 พี่น้องชาวเชชเนียที่อพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเพียง 3 คน

ในทางตรงกันข้ามการสังหารโหดที่เกิดขึ้นใน 2012 ที่ดำเนินการโดย Wade Michael Page “ชายผิวขาว” ที่วัดซิกข์ในวิสคอนซินซึ่งทำให้ผู้เสียชีวิตมากถึง 6 ราย แต่กลับถูกนำเสนอข่าวเพียง 3.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

การก่อเหตุกราดยิงโดย Dylann Roof ที่ทำให้ประชาชน 9 คนในคริสตจักรแอฟริกันอเมริกันในเมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนาถูกนำเสนอเพียง 7.42 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การโจมตี 2014 โดย Glenn Miller ในโบสถ์แห่งหนึ่งในแคนซัสทำให้เสียชีวิต 3 คน แต่ก็ได้รับความสนใจจากสื่อเพียง 3.27 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าสื่อไม่ได้นำเสนออย่างครอบคลุมการโจมตีของผู้ก่อการร้ายอย่างเพียงพอ โดยคำพูดกังล่าวถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” ผู้เขียนกล่าว “อย่างไรก็ตามการนำเสนอข่างเกี่ยวกับการกระทำที่ยืนยันว่าเป็นชาวมุสลิม กลับมีการนำเสนอที่น้อยกว่าโดยไร้หลักการในการนำเสนออย่างเป็นกลาง”

“นอกเหนือจากปริมาณความครอบคลุมแล้วยังมีอีกสิ่งสำคัญที่จะต้องวิเคราะห์เนื้อหาในการนำเสนอ สื่อจะเร่งรีบในการใช้คำว่า ‘ผู้ก่อการร้าย’ เพื่ออธิบายถึงผู้โจมตีบางคน? จำนวนผู้สื่อเสียชีวิต รูปแบบการโจมตีอย่างไร? แต่กับตั้งประเด็นด้านสุขภาพจิตสำหรับผู้ก่อเหตุที่ไม่ใช่มุสลิมที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน?”

Imam Mohamed Mahmoud อิหม่ามประจำมัสยิด Finsbury Park กล่าวถึงเหตุที่มีคนขับรถพุ่งชนพี่น้องมุสลิมขณะเดินออกจากมัสยิดในกรุงลอนดอน

ความคิดเห็น

comments